กองปราบราบ 'แก๊ง18มงกุฎ' อ้างบิ๊กโจ๊ก อุ้มรีดเงิน-แฉคนมีสีร่วมนับ10คน

กองปราบราบ 'แก๊ง18มงกุฎ' อ้างบิ๊กโจ๊ก อุ้มรีดเงิน-แฉคนมีสีร่วมนับ10คน

"เสี่ยจเร" รุดเป็นพยาน แฉคนมีสีร่วมนับ10คน หลังกองปราบรวบ "แก๊ง18มงกุฎ" จอมแสบ อ้างสนิท "บิ๊กโจ๊ก" อุ้มนักธุรกิจขนส่งรีดไถเงินทำเป็นขบวนการ ตำรวจตั้งข้อหากรรโชกทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง และอั้งยี่ซ่องโจร

นายจเร แก้วทอง ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งสินค้า ในพื้นที่ระหว่างกรุงเทพฯ และภาคใต้ พร้อมด้วยผู้เสียหาย ได้เดินเข้าพบตำรวจพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อยื่นพยานหลักฐานเอาผิดกับ นายสิงหราช พิชิตพงศ์ ผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง และอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งมีหมายจับทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคใต้รวมกว่า 6 หมาย

ทั้งนี้ หลังจากที่นายจเร เปิดบริษัทฯทำการมาได้ประมาณ 5 ปี ก็ไม่เคยถูกรีดไถในลักษณะดังกล่าวมาก่อน จนกระทั่งในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนเองกำลังขับรถบรรทุกไปส่งของในอำเภอปราณบุรี ก็พบกับกลุ่มของนายสิงหราชขับรถมาประกบข้างและเรียกให้จอด แสดงตัวว่าตนเองเป็น "รองอู๊ด" จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกับอ้างว่า ภายในรถของนายจเร มีสิ่งผิดกฎหมายและจะขอตรวจค้น โดยให้เหยื่อขับรถไปที่โรงพักในพื้นที่ แต่สุดท้ายกลับพาไปในที่เปลี่ยว และข่มขู่กรรโชกทรัพย์ เพื่อแลกกับเงินจำนวน 200,000 บาท ซึ่งหากไม่ยอมให้จะขัดขวางการขนส่งและธุรกิจทั้งหมด รวมถึงยัดยาเสพติด โดยนายจเร ได้ทำการต่อรองจนยอดเงินลดลงมาเหลือแค่ 80,000 บาท แต่ผู้ต้องหาและกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังคงข่มขู่บังคับให้จ่ายเป็นรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท แต่ก็มีการต่อรองกันอีกจนเหลือเพียง 15,000 บาท เพื่อแลกกับไม่ให้ทีมงานของตนเอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบ พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักกับ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความกลัวว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของตนเอง จึงตัดสินใจจ่ายเงินให้รายเดือนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

แต่หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหา และพวกจนทราบว่าเป็นขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง ซึ่งมีผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้หลายราย รวมมูลค่าความเสียหายแล้วหลายล้านบาท และมีหมายจับติดตัวผู้ต้องหา 6 หมายแต่มีการเพิกถอนหมายจับไปแล้ว 2 หมายโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า นายสีหราช ได้นำเงินที่เก็บได้ไปจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในขบวนการประมาณ 10 นาย ซึ่งตนเองอยากให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อทางโทรศัพท์ไปที่ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเอาไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นใคร ทั้งนี้ไม่เคยได้รับการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งยังปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายสิงหราช หรือชื่อเก่าคือนายอดุลย์ และได้กำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. เร่งติดตามตัวบุคคล และกระบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป