GGC - ซื้อ

GGC - ซื้อ

กำไรไตรมาส 3/61 ต่ำกว่าคาด; แนวโน้มกำไรไตรมาสหน้าเติบโต

กำไรต่ำกว่าประมาณการของเรา, แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด

GGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที 185 ล้านบาท เติบโต 239% และพลิกกลับจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/61 หากไม่รวมขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 62 ล้านบาท, ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 1 ล้านบาท, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 9 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที 252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และทรงตัว QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราประมาณการ 14% เนื่องจาก ส่วนต่างราคา FA ต่ำกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าคาด แต่เป็นไปตามที่ประมาณการของตลาด

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ผลขาดทุนจากสินค้าคงคลังที่ลดลงและไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ (จากความเสียหายของวัตถุดิบซึ่งบันทึกในไตรมาส 2/61) เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ในส่วนของการดำเนินงาน ปัจจัยที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก YoY คือ 1) ส่วนต่างราคา ME (B 100) เพิ่มขึ้น, 2) ส่วนต่างราคา FA ขยายตัว, 3) ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น และ 4) ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง แม้ว่าปริมาณขายทั้ง ME และ FA จะปรับตัวลดลง

ปริมาณขาย B100 ลดลง 13% YoY และ 6% QoQ มาอยู่ที 84,637 ตัน เนื่องจากไม่มีปริมาณขายให้เทรดเดอร์ที่สูงเป็นพิเศษและเป็นช่วงโลว์ซีซัน อย่างไรก็ตาม อัตรากำไร EBITDA (ปรับปรุง)  สำหรับ ME เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.9% จาก 3.3% ในไตรมาส 3/60 และ 4.3% ในไตรมาส 2/61 หนุนโดย product-to-feed ของ ME และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่ดีขึ้น สำหรับธุรกิจ FA ปริมาณขายลดลง 15% YoY และ 11% QoQ มาอยู่ที 26,899 ตัน เนื่องจากปริมาณขายที่สูงผิดปกติในไตรมาส 3/60 และการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน 15 วันในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ อัตรากำไร EBITDA (ปรับปรุง) ของ FA ปรับตัวลดลงมาอยู่ที 11.9% จาก 12.9% ในไตรมาส 3/60 แม้ว่า product-tofeed จะปรับตัวสูงขึ้น (เพิ มขึ้น 7% YoY มาอยู่ที 463 เหรียญต่อตัน) แต่เพิ่มขึ้นจาก 11.0% ในไตรมาส 2/61

แนวโน้ม

กำไรหลักในไตรมาส 4/61 ของ GGC คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจ ME และ FA ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น (การเติบโตตามปกติของธุรกิจและช่วงไฮซีซัน) และส่วนต่างราคาที่ขยายตัวซึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงงาน ME-2 ในเดือนส.ค. ซึ่งจะหนุนกำไรของธุรกิจ ME นอกจากนี้ปริมาณขายที่เติบโต (ช่วงไฮซีซันและไม่มีแผนการหยุดซ่อมบำรุง) และส่วนต่างราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยทางฤดูกาลจะช่วยหนุนกำไรของธุรกิจ FA

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กำไรหลักช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็น 78% ของประมาณการปี 2561 ของเราที 1,070 ล้านบาท ซึ่งเรายังคงประมาณการไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เราได้ปรับเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ้นปี 2562 ด้วยราคาเป้าหมายประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF ที 14 บาท

คำแนะนำ

การคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/61 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น นอกจากนั้นมูลค่าหุ้นยังคงถูก GGC ปัจจุบันซื้อขายที PER ปี 2562 ที 10.5เท่า – ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคของ Oleochemical ที 18 เท่า และค่าเฉลี่ยกลุ่มปิโตรเคมีที่ 11.8 เท่าอย่างมาก เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”