ถึงเวลาโต ‘ Choco CRM ’ เป็นเบอร์หนึ่งในใจเอสเอ็มอีไทย

ถึงเวลาโต ‘ Choco CRM ’ เป็นเบอร์หนึ่งในใจเอสเอ็มอีไทย

สู้มา 4 ปี กว่าที่จะมีวันนี้ หากเปรียบเป็นละคร “Choco CRM” กำลังมาถึงตอนที่ 5 นั่นคือ Scale Up

ส่วน 4 ตอนแรกเรียงตามลำดับมีดังนี้ 1.Passion 2.Fail 3.Discovery 4.Hustle


ซึ่งหนึ่งในความท้าทายในขั้นตอนของการ “Scale Up” หรือการขยายธุรกิจของสตาร์ทอัพโดยส่วนใหญ่ ที่หนีไม่พ้นคือเรื่องของ “เงินทุน” อย่างไรก็ดี Choco CRM (ช็อคโก้ ซีอาร์เอ็ม) ล่าสุดได้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผ่านโครงการอินเว้นท์ (InVent) มาเป็น “ลมใต้ปีก” ให้การสนับสนุนเงินทุนระดับ Series A Funding จำนวน 40 ล้านบาท


“สิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด กล่าวว่า รู้สึกมีความยินดีที่อินทัชเล็งเห็นถึงศักยภาพ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดนำพาบริษัทช็อคโก้ไปสู่เป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการระบบ CRM ชั้นนำของประเทศ ทั้งเผยว่าการระดมทุนครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย และมองจุดหมายปลายทางคือการเข้าตลาดหลักทรัพย์


สำหรับการระดมทุนครั้งนี้มีกรอบเป้าหมายว่าจะนำเงินไปใช้ใน 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1. ในเรื่องของ R&D เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี 2. ขยายธุรกิจไปสู่หัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งนำร่องไปแล้วก็คือชลบุรี และเร็วๆนี้กำลังจะไปที่จ. สุราษฏร์ธานี และ 3. เป็นงบการตลาดและนำมาใช้ประชาสัมพันธ์ เพื่อเชิญชวนเอสเอ็มอีรายใหม่เข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น และที่กำลังมองว่ามีความน่าสนใจก็คือ ผู้ประกอบการผู้ผลิตสินค้าที่วางขายในคอนวีเนียนสโตร์ หรือในซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากที่ผ่านมามักรับรู้เพียงแค่ยอดขาย แต่ไม่เคยรู้ว่าในความจริงนั้นลูกค้าของตัวเองคือใคร มีไลฟ์สไตล์อย่างไร


ปัจจุบัน Choco CRM มีฐานลูกค้า 1,300 ราย อาทิ แว่นท็อปเจริญ,ชาบูนางใน ฯลฯ ทั้งหมดมี End-Users กว่า 1,000,000 รายในปัจจุบันและมีแผนจะขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 3,000 ราย ภายในเวลา 3 ปี


สิรสิทธิ์เล่าย้อนว่า Choco CRM เกิดขึ้นจาก Passion ตัวเขาลาออกจากงานในบริษัทที่ปรึกษาระดับอินเตอร์แห่งหนึ่ง เพื่อสวมบทของ “สตาร์ทอัพ” ซึ่งเมื่อ 6 ปีก่อนแทบจะไม่มีคนไทยรู้จักคำ ๆนี้ แต่เมื่อได้ทดลองทำธุรกิจแรกก็เฟล เพราะไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง เขาจึงมองหาโอกาสใหม่และเป็นที่มาของ Choco CRM


"ความสำเร็จส่วนหนึ่งผมได้พบกับผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 คนที่มีลูกบ้าพอๆ กันคือลาออกจากงานประจำมาลุยทำกันเต็มที่ พวกเราทำงานเองทุกอย่างทั้งๆที่บางงานก็ไม่เคยทำเช่น งานบัญชี การขาย พวกเราโดนสบประมาทว่าคงทำไม่ได้ ยิ่งทำให้เรามีพลังและพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของ Choco CRM อยู่ที่ยืดหยุ่น ใช้ได้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกธุรกิจ เราทำได้เพราะไม่ได้คิดเองเออเอง ไม่มโน แต่มีการพัฒนาและลงไปเก็บฟีดแบ็คจากลูกค้านำมาพัฒนาต่อทำเป็นลูปวนอยู่อย่างนี้ถึง 4 ปี"


“รัฐพล ศิริชุมพันธ์” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ในเวลานี้มีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี อธิบายว่า เริ่มต้นจุดประสงค์ของ Choco CRM คือต้องการสร้างฐานลูกค้าประจำให้กับร้านค้า เอสเอ็มอีว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดการกลับมาใช้ซ้ำมากขึ้นในธุรกิจนั้นๆ


ระบบของ Choco CRM มี 3 ช่องทางหลักในการสื่อสารกับ End-Users คือบัตรสมาชิก เบอร์โทรศัพท์ และแอพพลิเคชั่น โดยสามารถทำการสะสมแต้ม ซื้อคูปอง ซื้อแพคเกจ ฯลฯ ผ่านหน้าร้านได้ ส่วนร้านค้าก็จะมีเครื่องมือในการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าและจัดการโปรโมชั่นต่างๆ การเก็บข้อมูลของลูกค้าถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการรู้ว่าลูกค้าซื้อสินค้าใดไป อายุเท่าไร เป็นลูกค้าประจำหรือบางรายอาจจะเคยเป็นลูกค้าประจำแต่หายไป แต่ในระบบจะมีการวิเคราะห์ดาต้าและทำการประมวลผลส่งให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถเข้าใจได้ง่าย ทั้งยังมีการส่ง SMS อีเมล และข่าวสารผ่านแอพพลิเคชั่นกลับไปยัง End-Users เพื่อการทำโปรโมชั่นตามพฤติกรรม ที่จะกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ


ที่มาของ Choco CRM เกิดจากความต้องการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี “ยกระดับ” ความสามารถทางการแข่งขันให้ทัดเทียมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะลงทุนทางด้านการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก ขณะที่การบริหารจัดการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าหรือการใช้ระบบ CRM เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีทว่าระบบต้องลงทุนค่อนข้างสูง Choco CRM จึงได้พัฒนาระบบเพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงระบบ CRM เช่นเดียวกับที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้อยู่ในราคาที่เหมาะสม


“ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล” หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการลงทุนในครั้งนี้ว่า อินทัช ได้เล็งเห็นศักยภาพและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำตลาดในการนำเทคโนโลยีมาใช้กับระบบ CRM Loyalty Platform สำหรับเอสเอ็มอีหลากหลายประเภทธุรกิจ โดยมีจุดเด่นตรงที่ระบบ CRM ที่ครอบคลุมทุกมิติของ Loyalty Program ทั้งสามารถเชื่อมโยงเข้ากับโปรแกรมขายหน้าร้านได้ (POS) ทำให้ร้านค้าสามารถนำข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วนำเสนอบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุดเพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้บริการร้านค้าซ้ำ


“เพราะค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่สูงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมถึง 5 เท่า”


ประการสำคัญมองว่ามีทีมงานรวมทั้งผู้ก่อตั้งที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำธุรกิจให้เติบโต และมีแนวคิดการพัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของอินทัช จึงทำให้ทางอินทัชตัดสินใจร่วมทุนผ่านทางโครงการ InVent 

ประการสำคัญมองว่ามีทีมงานรวมทั้งผู้ก่อตั้งที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำธุรกิจให้เติบโต และมีแนวคิดการพัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของอินทัช จึงทำให้ทางอินทัชตัดสินใจร่วมทุนผ่านทางโครงการ InVent รวมทั้งโลกในยุคปัจจุบัน ระบบ CRM ถือว่ามีความสำคัญต่อทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากถึง 3 ล้านรายซึ่งคิด เป็นสัดส่วนถึง99% เมื่อเทียบกับจำนวนธุรกิจทั้งประเทศจึงถือได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย


เอสเอ็มอีจึงถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย ดังนั้น โอกาสของระบบ CRM ก็น่าจะเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กับธุรกิจเอสเอ็มอี และเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีไทยสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้