PTTGC - ซื้อ

PTTGC - ซื้อ

ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีที่สุดรออยู่ข้างหน้า

เราคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 3/61 ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งและการเติบโตของกำไร YoY ต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/61 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น PTTGC ในระยะต่อไป การคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแร่งในช่วงครึ่งหลังปี 2561 น่าจะหนุนให้ตลาดปรับประมาณการกำไรตามมา เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และ ปรับเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ้นปี 2562 ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ประเมินด้วยวิธี DCF ที่130 บาท

คาดกำไรหลักไตรมาส 3/61 เป็นตัวเลขไตรมาสสามที่ดีที่สุดของ PTTGC

เราคาดว่า PTTGC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 12,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 17% QoQ จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ หากไม่รวมกำไรจากสินค้าคงคลัง 697 ล้านบาท, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 300 ล้านบาทและกำไรจากการขายหุ้น API 350 ล้านบาท กำไรหลักไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ 11,275 ล้านบาทซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดเป็นประวัติกาลของ PTTGC สูงขึ้น 26% YoY และ 6% QoQ เราคาดว่าผลประกอบการจะสร้างความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อตลาด (บรรเทาความ
กังวลของตลาดเกี่ยวกับส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ส่วนใหญ่เทียบกับแนฟทาที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ ระหว่างไตรมาสนี้)

การเติบโตของกำไรหลักหนุนโดย 1) ค่าการกลั่นตลาด (GRM) ปรับตัวสูงขึ้น, 2) ปริมาณขายปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น (การขยายกำลังการผลิตและการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซจาก PTT), 3) ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น (ส่วนต่างราคาโอเลฟินส์เทียบกับอีเธน, ส่วนต่างราคาพาราไซลีน) และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากสินทรัพย์ที่ซื้อจาก PTT (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ขยายตัว)

คาดกำไรหลักเติบโต YoY ต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/61

แนวโน้มกำไรหลักเติบโต YoY ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/61 หนุนโดยปริมาณขายปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น, ส่วนแบ่งกำไรจากสินทรัพย์ที่ซื้อจาก PTT ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่โรงกลั่นน่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตต่อเนื่อง ปริมาณขายปิโตรเคมีน่าจะสูงขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิต และการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซจาก PTT นอกจากนี้ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีน่าจะปรับตัวสูงขึ้น QoQ เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนลดลง

มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มครึ่งปีหลังมากขึ้น หนุนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561 ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ค่อนข้างใกล้เคียงกับการคาดการณ์การของเราในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ถึงปัจจุบัน ส่วนต่างราคา HPDE (เทียบกับอีเธน) และส่วนต่างราคาพาราไซลีนยังคงแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ และน่าจะส่งผลให้กำไรในช่วงครึ่งหลังปี 2561 แข็งแกร่ง ดังนั้นเราจึงปรับประมาณการปี 2561 เพิ่มขึ้น 8% มาอยู่ที่ 44.7 หมื่นล้านบาท สำหรับกำไรหลักและ 16% มาอยู่ที่ 48.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิ (รวมกาไรพิเศษ) เราเชื่อว่ามีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหลักของตลาด 4-5 %