ตำรวจคุมตัว "ปริญญา" ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน "บิตคอยน์" มูลค่ากว่า 700 ล้าน ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านประกันตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกประเทศ
วันนี้ ( 12 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้คุมตัว นายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงินบิตคอยน์จาก นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ผู้เสียหายชาวฟินแลนด์ มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม ถึง 23 ตุลาคม 2561 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากนายปริญญามีพฤติการณ์หลบหนีออกนอกประเทศ และคดีนี้เป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง
ทางด้าน พันตำรวจเอกชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ระบุว่า นายปริญญา ถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อประมาณตี 1 ของวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่อนุญาตให้ผ่านเข้าประเทศ เนื่องจากพาสปอร์ตถูกยกเลิก นายปริญญา จึงถูกผลักดันกลับมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายปริญญา ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดย 3 คดีที่ นายปริญญา ถูกแจ้งข้อหา ประกอบด้วย “คดีร่วมกันฉ้อโกง” และ “คดีฟอกเงิน” ซึ่งคดีฟอกเงินผู้ต้องหาได้ร่วมกระทำความผิด เป็น 2 ส่วน คือ กระทำความผิดคดีฟอกเงินร่วมกับน้องอีก 3 คน คือ นางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต / นายธนสิทธิ์ จารวิต / และนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงวัยรุ่น ส่วนอีกสำนวนเป็นกระทำความผิดคดีฟอกเงินร่วมกับ นางเลิศฉัตรกมล และนายสุวิทย์ จารวิจิต พ่อแม่ของนายปริญญา โดยทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้พ่อแม่ของนายปริญญา และนายธนสิทธิ์ (น้องชาย) เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 17 ตุลาคม นี้
"หลังนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ฯจึงแจ้งความผิด 3 ข้อหา 1.ร่วมกันฉ้อโกง , 2.ร่วมกับน้องชายน้องสาวร่วมกันฟอกเงิน และ 3.ร่วมกับมารดาทำการฟอกเงิน โดยจะนำตัวนายปริญญาไปฝากขังที่ศาลอาญาในช่วงสายวันนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมหลบหนี และเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางญาติและทนายได้เตรียมยื่นหลักทรัพย์ของประกันตัวในวงเงิน 20 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่