หั่นจีดีพีโลกฉุดราคาน้ำมันร่วง 2.4%

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ในสหรัฐ ลดลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.4% สู่ระดับ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธ (10 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ทำให้มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2561 และ 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 3.7% ทั้ง 2 ปี ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน

ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้คงคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2561 ที่ระดับ 2.9% และคงคาดการณ์เศรษฐกิจจีนไว้ที่ระดับ 6.6% พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 2.5% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2562 ลง 0.2% สู่ระดับ 6.2%

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน“ไมเคิล” ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้รัฐฟลอริดาของสหรัฐ และทำให้มีการปิดการผลิตน้ำมันเกือบ 40% ในอ่าวเม็กซิโก

นายบ็อบ ดัดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทบีพี กล่าวเตือนว่า ภาวะไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันของอิหร่านก่อนที่สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย. จะสร้างความผันผวนครั้งใหญ่ต่อราคาน้ำมัน

“ผมคิดว่าราคาน้ำมันจะมีความผันผวนอย่างมากเป็นเวลา 45 วัน โดยราคาอาจพุ่งขึ้น และอาจดิ่งลงก็ได้” นายดัดลีย์กล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ซึ่งวันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้นายทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 5 แสน-2 ล้านบาร์เรล