เครือซีพีร่วมประชุม 2 เวทีความยั่งยืนระดับโลก

เครือซีพีร่วมประชุม 2 เวทีความยั่งยืนระดับโลก

เครือเจริญโภคภัณฑ์ร่วมประชุม 2 เวทีความยั่งยืนระดับโลก “United Nations Global Compact” และ “World Economic Forum” ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำองค์กรระดับโลก มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

การประชุมเวทีความยั่งยืนระดับโลก ได้แก่เวที UN Private Sector Forum จัดโดย United Nations Global Compact (UNGP) และเวที Sustainable Development Impact Summit จัดโดย World Economic Forum (WEF) ระหว่างวันที่ 24-26 กันยายน 2561 ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

4_44

เริ่มจากเวทีแรก เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 จัดโดย United Nations Global Compact (UNGP) ในการประชุมหัวข้อ “UN Private Sector Forum” นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะภาคีภาคเอกชน ได้เข้าร่วมประชุมหารือร่วมกันระหว่างองค์กรภาคเอกชนกับสหประชาชาติ โดยมีผู้นำธุรกิจและภาครัฐระดับโลก เข้าร่วมกว่า 350 คน จากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก อาทิ นาย Cyril Ramaphosa ประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ และนาย Mokgweetsi Masisi ประธานาธิบดีของบอตสวานา โดยนาย Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติคนปัจจุบัน กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้มีประเด็นสำคัญคือการสร้างสันติภาพ โดยเน้นการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสันติภาพและการพัฒนาที่ต้องเกื้อหนุนกัน ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะมีส่วนช่วยอย่างมากที่จะทำให้โลกเกิดสันติภาพได้ หากสามารถปฏิบัติตามหลักการสากลสิบประการของ UN Global Compact

2_79

ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการประชุม UN Private Sector Forum นายนพปฎล เดชอุดม ได้หารือเพิ่มเติมร่วมกับ นายวิทวิส ศรีวิหค เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในประเด็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมความยั่งยืน และบทบาทของภาคเอกชนที่ช่วยผลักดันนโยบายที่สำคัญของภาครัฐ อาทิ นโยบายประชารัฐด้านการศึกษา นายนพปฎล เดชอุดม กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์และสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยพยายามที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจไทย โดยเฉพาะการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ต่อมา วันที่ 25 กันยายน 2561 ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เข้าร่วมการประชุม ของ World Economic Forum (WEF) ซึ่งประชุมกันภายใต้หัวข้อเรื่อง “Sustainable Development Impact Summit”เพื่อร่วมแสดงพลังให้เห็นว่าภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนของโลกได้ ในการนี้นายนพปฎล เดชอุดม กล่าวว่า การประชุม Sustainable Development Impact Summit ของเวที World Economic Forum มีความสำคัญต่อเครือเจริญโภคภัณฑ์มาก โดยเครือฯสามารถนำความรู้ใหม่ ๆ ด้านความยั่งยืนและบทเรียนจากการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมในเวทีนี้ มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาด้านความยั่งยืนของเครือฯได้ ซึ่งครั้งนี้ ได้เข้าร่วมหารือในหลายหัวข้อที่สำคัญเกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน อาทิ Advancing Global Environmental, Social and Governance Standards; Staying in Business; Scaling Natural Climate Solutions; Mobilizing Finance for Impact; Accelerating Protein Innovation; Bio-innovation for Development with the Technology Pioneers

3_65

โดยมีประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยื่น ได้แก่ 1. การจัดทำมาตรฐานร่วมกันในการวัดผลประกอบการของบริษัทที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล 2. การจัดทำแนวทางการทำธุรกิจที่เป็นมิตรที่ต่อสิ่งแวดล้อม 3. การคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการผลิตอาหาร และ 4. การระดมทุนเพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น นอกจากนี้เมื่อวันที่ 26 กันยาน 2561 นายนพปฎล เดชอุดม ยังได้เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ในประเด็นการส่งเสริมสุขภาพและนโยบายสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อ (Non-Communicable Diseases - NCDs Day) ในหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ Obesity and the SDGs – creating a new narrative และ Transforming healthcare systems to respond to the NCD burden by focusing on early diagnosis เพื่อเน้นหาแนวทางการแก้ภาวะอ้วนเกินขนาดในวัยเด็ก (childhood obesity) ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาดังกล่าว

อนึ่ง การเข้าร่วมประชุมเวทีความยั่งยื่นระดับโลกในครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีเจตนาแน่วแน่ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนในชุมชนและสังคมทั่วทุกแห่งที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ตามเป้าหมายของเครือฯที่จะเป็นผู้นำในการสร้างความเปลี่ยนแปลงแห่งการพัฒนาเพื่อลดความขัดแย้งและการคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนของโลกเป็นสำคัญ อันจะนำไปสู่การพัฒนาในระดับสังคม ประเทศชาติ และโลกอย่างยั่งยืน