'พรรคทหาร' จากอดีตสู่ปัจจุบัน และเซอร์ไพรส์ 'พลังประชารัฐ'

ท่าทีดังกล่าวสอดรับกับความเคลื่อนไหวของ “พรรคพลังประชารัฐ” ซึ่งจะมีการประชุมในวันเสาร์ที่ 29 ก.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข่าวว่าจะมานั่งเก้าอี้โฆษกพรรค ฝากบอกไปยังคอการเมืองทั้งหลายว่า “ขอให้จับตาดูเซอร์ไพรส์ในวันดังกล่าว”

000 ยิ่งเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นมากเท่าไรเราจะได้เห็นภาพการเคลื่อนไหวเหล่านี้มากท่านั้น ล่าสุดในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีข่าวว่า สมาชิกแถบพื้นที่ตะวันออกหลายคนได้ยื่นจดหมายลาออกเพื่อเตรียมที่จะย้ายไปซบพลังประชารัฐ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข้อตกลงและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดันนโยบายพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ(อีอีซี) ดังนั้นคงต้องติดตามการประชุมพรรคในวันที่ 29 ก.ย.นี้ว่า “เซอร์ไพรส์” ที่กอบศักดิ์พูดถึงจะมีอะไรบ้าง

000 กระนั้นการจัดตั้งพรรคภายหลังการลงจากอำนาจของคณะรัฐประหารไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพราะหากย้อนไปดูประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะพบว่า การรัฐประหาร 13 ครั้ง ที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองที่เป็นผลพวงจากรัฐประหารหรือเรียกว่า “พรรคทหาร” อาทิ พรรคเสรีมนังคศิลา ในปี 2498 มี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าพรรค, พรรคสหภูมิ ในปี 2500 มีนายสุกิจ นิมมานเหมินท์ อดีต ส.ส. พรรคเสรีมนังคศิลา เป็นหัวหน้าพรรค โดยได้รับการสนับสนุนจาก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น

000 พรรคชาติสังคม ก่อตั้งปี 2500 ภายหลังหลังการรัฐประหารในปีเดียวกัน (ยุบรวมพรรคสหภูมิและพรรคเสรีมนังคศิลา) โดยมี จอมพลสฤษดิ์ เป็นหัวหน้าพรรค, พรรคสหประชาไทย ก่อตั้งในปี 2511 มี จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นหัวหน้าพรรค, พรรคสามัคคีธรรม ก่อตั้ง ปี 2535 มาจากการการรวบรวมบุคคลใกล้ชิดกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) มี นายณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และครั้งล่าสุดคือ พรรคมาตุภูมิ ก่อตั้งเมื่อ ปี 2551 มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าพรรค

000 จริงอยู่ที่ในครั้งนี้พลังประชารัฐจะพยายาม “สลัดภาพ” ความเป็นพรรคทหาร โดยชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ลืมว่าบุคคลที่พรรคชูเป็นนายกฯ คืออดีตนายทหารและหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” !!