เงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาดหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (13ก.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะลดแนวโน้มในการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีน ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 147.07 จุดหรือ 0.57% ปิดที่ 26,145.99 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500  เพิ่มขึ้น 15.26จุดหรือ 0.53% ปิดที่ 2,904.18 จุดและดัชนีแนสแด็กบวก 59.48 จุดหรือ  0.75% ปิดที่ 8,013.71 จุด

ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ล ซึ่งเป็นหุ้นตัวหนึ่งในการคำนวณดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 1.5% สู่ระดับ 224.40 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังเปิดตัวไอโฟนใหม่ 3 รุ่นเมื่อวานนี้

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด โดยเมื่อเวลา 20.28 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.948% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.089%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ซึ่งการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดของดัชนีซีพีไอ มีสาเหตุจากการร่วงลงของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ และเสื้อผ้า ขณะที่ราคาค่าเช่า และพลังงานปรับตัวขึ้น

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอ เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนก.ค.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.,มิ.ย.และก.ค. หากเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอ พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551

นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนยินดีตอบรับคำเชิญของสหรัฐสำหรับการเจรจาการค้ารอบใหม่ โดยทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดการประชุมดังกล่าว

“จีนตระหนักเสมอว่าความขัดแย้งทางการค้าที่ลุกลามออกไปจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด ซึ่งนับตั้งแต่การเจรจาเบื้องต้นที่กรุงวอชิงตันในเดือนที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงทำการติดต่อกัน และหารือกันเกี่ยวกับความกังวลของแต่ละฝ่าย” นายเกิง กล่าว