ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระแรก เพื่อผลักดันให้โครงการประชารัฐ โดยเฉพาะการทำบัตรสวัสดิการให้ผู้มีรายชื่อได้ ใช้เป็นกฎหมายแบบถาวร และมีกระบวนการพิจารณาผ่านคณะกรรมฯ และ จัดตั้งเป็นกองทุนถาวร
โดยที่ประชุม สนช. ได้ใช้เวลาพิจารณารายละเอียดเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลงมติแบบเอกฉันท์ 187 เสียงรับหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเนื้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุผลที่ครม. เสนอร่างกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม กระจายรายได้อย่างเป็นธรรม สำหรับเนื้อหาที่สำคัญ อาทิ 1.กำหนดให้มีคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีกรรมการที่มาจากฝ่ายข้าราชการประจำ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านสังคม พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐศาสตร์ ทำหน้าที่เสนอแผนงาน นโยบายและมาตรการที่เกี่ยวกับประชารัฐสวัสดิการ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย
นอกจากนั้นยังกำหนดให้ตั้งกองทุนประชารัฐฯ จำนวน 1 กองทุนเพื่อใช้จ่ายด้านการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามประชารัฐสวัสดิการ ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐหรือเพื่อสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมเพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท โดยที่มาของกองทุน อาทิ เงินทุนประเดิมที่รัฐจัดสรร, เงินที่จัดสรรจากงบประมาณ, เงินบริจาค, เงินที่รับจากองค์การระหว่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้แปรญัตติ 7 วัน และมีเวลาทำงาน 30 วัน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการทำงานที่เร่งรัดกว่าการพิจารณาร่างกฎหมายทั่วไป ที่จะใช้เวลาทำงานอย่างน้อย 45 วัน.
