ทีเส็บโชว์ผลงาน13ปี ส่งเสริมอุตฯไมซ์ สร้างรายได้เข้าประเทศ1ล้านล้านบ.

ทีเส็บโชว์ผลงาน13ปี ส่งเสริมอุตฯไมซ์ สร้างรายได้เข้าประเทศ1ล้านล้านบ.

โชว์ผลงาน13ปีในงาน ไทยแลนด์ ไมซ์ ฟอรั่ม 2018, รีดีไฟน์นิ่ง อาวเวอร์ อินดัสทรี สร้างรายได้เข้าประเทศไทยมาแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ประมูลสิทธิ์งานไมซ์นานาชาติได้ถึงเฉลี่ยปีละ 20 งานทั้งยังให้การสนับสนุนงานไมซ์ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 5,000 งาน

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 13ปีของการดำเนินงาน ทีเส็บได้ประมูลสิทธิ์งานไมซ์นานาชาติกว่า 300 งาน หรือเฉลี่ยปีละ 20 งาน พร้อมให้การสนับสนุนงานไมซ์ทั้งในและต่างประเทศแล้วมากกว่า 5,000 งาน รวมสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจแล้วกว่า 1,000,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ทีเส็บยังมีบทบาทในการพัฒนาธุรกิจไมซ์ด้านต่างๆ อาทิ การสร้างมาตรฐานให้กับธุรกิจไมซ์ การอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ วีซ่า
การจัดทำคู่มือขั้นตอนและกระบวนการจัดงานไมซ์ และการพัฒนาไมซ์ซิตี้และ Area Baseขณะเดียวกันการจัดงานไมซ์แต่ละครั้งนั้นยังก่อให้เกิดองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนนวัตกรรม การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการลงทุน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล

3_46

“ข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ. 2560 พบว่าการดำเนินงานของทีเส็บร่วมกับผู้ประกอบการไมซ์ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ หลายด้าน คือ เกิดค่าใช้จ่ายจากการจัดกิจกรรมไมซ์มีมูลค่า 231,200 ล้านบาท ก่อให้เกิดเป็นรายได้ประชาชาติ เป็นมูลค่าปีละ 173,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1% ของ GDP ประเทศ ซึ่งสัดส่วนนี้เทียบเท่ากับประเทศสิงคโปร์ขณะเดียวกันยังมีรายได้จากมูลค่าภาษีที่ภาครัฐจัดเก็บได้จากธุรกิจไมซ์ 21,600 ล้านบาท  ก่อให้เกิดการจ้างงาน 167,300 ตำแหน่ง” ดร.อรรชกา กล่าว

และจากรายงาน ของ International Congress and Convention Association หรือ ICCA และรายงานของ the Global Association of the Exhibition Industry หรือ UFI  ในปีพ.ศ. 2560 พบว่า ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชียด้านการจัดประชุมนานาชาติ เป็นอันดับที่ 7 ของเอเชียในด้านการแสดงสินค้านานาชาติ โดยเป็นที่หนึ่งของอาเซียนทั้งในด้านการประชุมและการแสดงสินค้า

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของทีเส็บในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 จากสามไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีจำนวนนักเดินทางไมซ์ทั้งจากต่างประเทศและนักเดินทางชาวไทยที่เข้าร่วมงานไมซ์ในประเทศทั้งสิ้นแล้วจำนวนกว่า 25,291,439 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 154,779 ล้านบาท ซึ่งประมาณการณ์ว่าสิ้นปีงบประมาณ จะมีนักเดินทางไมซ์ทั้งจากต่างประเทศและนักเดินทางชาวไทยที่เข้าร่วมงานไมซ์ในประเทศประมาณ 38,397,033 คน สร้างรายได้ให้แก่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 207,561 ล้านบาท

2_52

ประธานกรรมการ ทีเส็บ กล่าวต่อว่า สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จากสถานการณ์ปัจจุบันของอุตสาหกรรมไมซ์ที่มีความท้าทายใหม่ ๆ ได้แก่ ความท้าทายในการรักษาอันดับ 1 ของไมซ์ในอาเซียน และผลักดันให้ไทยเป็นอันดับ 5ด้านการประชุม และอันดับ 6 ด้านการแสดงสินค้าของภูมิภาคเอเชียภายในปีพ.ศ.2564โดยต้องเร่งส่งเสริมการดึงงานและเพิ่มพื้นที่การขายของการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทย รวมถึงการปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมไมซ์โลกเช่นการสร้าง “ประสบการณ์ใหม่” ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานไมซ์ การสร้างความพึงพอใจและความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนการนำเนื้อหาจากชุมชนและท้องถิ่นในประเทศมาสร้างอัตลักษณ์ให้กับการจัดงานไมซ์ นอกจากนี้ ทีเส็บจะต้องเร่งสนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยใช้กิจกรรมไมซ์ส่งเสริมอุตสาหกรรมตามนโยบาย Thailand 4.0 ให้มากขึ้น และนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมไมซ์ตลอดจนกระจายกิจกรรมไมซ์ไปยังภูมิภาคและเมืองรองเพื่อการกระจายรายได้ในประเทศ โดยต้องเร่งสร้างความกระตือรือร้น และการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบขององค์กรภาครัฐในการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมธุรกิจไมซ์

4_32

 ด้วยเหตุนี้ ทีเส็บจึงกำหนด3 แนวทางหลักเพื่อดำเนินงานได้แก่ (1) การพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมุ่งสร้างรายได้จากกิจกรรมไมซ์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ เป็นผู้อำนวยความสะดวกและจัดทำแพคเกจสนับสนุนและส่งเสริมการตลาดให้แก่ภาคเอกชน ร่วมกันดึงงานและสนับสนุนการจัดงานภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ดังเช่นในปี พ.ศ. 2560 ที่ได้ให้การสนับสนุนงานในอุตสาหกรรม S Curve และ New S Curve ทั้งสิ้นกว่า 90 งาน อาทิ งานด้าน Robotics / ด้าน Logistics / ด้านเชื้อเพลิงและพลังงานทดแทน / ด้านการแพทย์ และด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล

(2) การใช้นวัตกรรมสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์อาทิ โครงการจัดทำแอปพลิเคชัน BIZ CONNECTที่จะช่วยสร้างเวทีสื่อกลางการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้จัดงานและผู้ร่วมงานไมซ์ผ่านแอปพลิเคชันที่สะดวกรวดเร็ว ซึ่งแอปฯ ดังกล่าวจะรวบรวมการจัดงานทั้งหมดให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถศึกษาและตอบรับการร่วมงานพร้อมเจรจาธุรกิจได้ทันทีนอกจากนี้ ยังร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ (NIA)ในการส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยด้วยนวัตกรรม ส่งเสริมธุรกิจ Start-up ในอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ที่ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

3_47

และ (3)การกระจายรายได้และองค์ความรู้จากกิจกรรมไมซ์สู่ชุมชน ภายใต้ โครงการไมซ์เพื่อชุมชน โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อพัฒนาสหกรณ์การเกษตรเป็นสถานที่รองรับการจัดงานไมซ์ โดยเบื้องต้นคัดเลือกสหกรณ์ 35 แห่ง และเตรียมขยายการดำเนินงานไปยังอีก 200 สหกรณ์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าในประเทศทีเส็บยังร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนางานแสดงสินค้าของประเทศไทยเป็นครั้งแรก เรียกโดยย่อว่า EMTEX (Empower Thailand Exhibition) เพื่อเป็นเวทีให้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันผลักดันให้เกิดการสร้างงานแสดงสินค้าใหม่ๆ และกระจายงานแสดงสินค้าสู่ภูมิภาค

“การเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินงานในครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมบทบาทและการทำงาน โดยเน้นการทำงานร่วมกันด้วยใจบริการอย่างแท้จริงให้กับอุตสาหกรรม การสร้างความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ และการสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งได้ประมาณการการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ว่าจะมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์รวมทั้งสิ้นประมาณ 40,356,337 คน และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ประมาณ 228,627ล้านบาท โดยแบ่งเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์ต่างประเทศประมาณ 1,419,890 คน สร้างรายได้ให้ประเทศได้130,200 ล้านบาท ส่วนนักเดินทางชาวไทยที่เข้าร่วมงานไมซ์ในประเทศนั้นคาดว่าจะมีประมาณ 38,936,447 คน สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ98,427ล้านบาท” ดร.อรรชกา กล่าวโดยสรุป