'รถพยาบาลปลอม' เกลื่อน! สพฉ.แนะวิธีตรวจสอบ

'รถพยาบาลปลอม' เกลื่อน! สพฉ.แนะวิธีตรวจสอบ

แนะวิธีการสังเกตุ "รถพยาบาลปลอม" สพฉ.รับปัจจุบันมีรถที่ดัดแปลงคล้ายรถพยาบาลที่ไม่ได้รับรองจำนวนมาก (คลิป)

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.61 จากกรณีแก๊งค้ายาปลอมรถพยาบาลตบตาเจ้าหน้าที่ขนยาเสพติดจากในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง ล่าสุดเรือโท นายแพทย์ อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลรถที่ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินรวมถึงรถพยาบาล ยอมรับว่า ปัจจุบันพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่มีการซื้อและดัดแปลงรถให้คล้ายรถพยาบาล ซึ่งไม่ถือว่าเป็นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งสังเกตุง่ายๆว่ารถของโรงพยาบาลจะติดชื่อหน่วยงาน ชื่อองค์กรชัดเจน

โดยลักษณะรถพยาบาลปลอมที่ตกเป็นข่าว คือรถสีขาว ติดสติ๊กเกอร์คำว่า แอมบูแล๊น ส่วนอีกคันเป็นรถที่เคยผ่านการตรวจและรับรองโดย สพฉ. แต่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงยุติการรับรองไปหลายปี เพียงแต่เจ้าของรถยังไม่ได้เอาสติ๊กเกอร์รับรองสีเขียวออก และใช้แอบอ้าง

ขณะที่หนึ่งในรถที่กระทำความผิด เป็นรถพยาบาลหน่วยเสริมของเทศบาลเมืองปทุมธานี ซึ่งมีรถฉุกเฉินจำนวน 13 คัน ถูกเพิกถอนใบรับรองเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมไปแล้ว 4 คัน ซึ่งทางเทศบาลดังกล่าวได้จ้างเอกชนดำเนินการในส่วนรถพยาบาลฉุกเฉิน เนื่องจากท้องถิ่นให้บริการไม่ทั่วถึง จึงให้เอกชนมาร่วมให้บริการด้วย

เรือโท นายแพทย์ อัจฉริยะ บอกว่า ถึงแม้รถพยาบาลคันนั้นจะอยู่ในการรับรอง ของ สพฉ. แต่นโยบาย คือ ให้รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ได้ให้เอาเอาไปทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด และไม่นำไปขนสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้จรรยาบรรณ

สำหรับการรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายขนส่งทางบก ทะเบียนขาวดำ ไม่ใช่ขาวฟ้า หลังจากได้ทะเบียนรถแล้ว สพฉ. จะตรวจสอบมาตรฐานอุปกรณ์ ส่วนการติดตั้งไฟและเสียงสัญญาณ ต้องขออนุญาต จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า กว่าจะรับรองรถบริการการแทพย์ฉุกเฉินอย่างถูกต้องนั้นมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันมีรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีอยู่ประมาณ 10,000 คัน แบ่งเป็นรถในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสังกัดมูลนิธิที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งรถที่ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินจะต้องต่ออายุใบรับรอง ทุกๆ2 ปี และจดทะเบียนในเขตจังหวัดใด ก็ให้วิ่งในจังหวัดนั้นไม่วิ่งข้ามเขต หากไม่มีเหตุจำเป็น