“ทรัมป์”เปิดศึกสื่อรายใหม่ก่อนเลือกตั้งกลางเทอม

“ทรัมป์”เปิดศึกสื่อรายใหม่ก่อนเลือกตั้งกลางเทอม

โดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ข้อเขียนที่วิจารณ์การทำงานของตัวเองอย่างกราดเกรี้ยวในนิวยอร์ก ไทม์ส ถือเป็นการเปิดศึกกับสื่อครั้งที่2ในรอบไม่กี่วัน หลังนักเขียน-นักข่าวเชิงสืบสวนรางวัลพูลิตเซอร์ เปิดโปง“ทรัมป์”เป็นผู้นำที่ละเลยกิจการโลก

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โต้ตอบอย่างเกรี้ยวกราด ต่อข้อเขียนแสดงความคิดเห็นจากบุคคลนิรนาม ที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส ซึ่งกล่าวถึงการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นหลายครั้งของเขาในฐานะผู้นำสหรัฐ โดยระบุว่าข้อเขียนชิ้นนี้เป็นการกระทำของคน“ขี้ขลาด”และ“ไม่ซื่อสัตย์”

ข้อเขียนที่ทำให้ผู้นำสหรัฐไม่พอใจอย่างมาก เขียนโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้หนึ่งในคณะทำงานของทรัมป์ ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ เป็นคนไม่มีศีลธรรม ต่อต้านทั้งระบอบประชาธิปไตยและการค้าเสรี และในการประชุมแต่ละครั้ง ทรัมป์ มักจะพูดออกนอกประเด็น และโวยวายซ้ำไปซ้ำมา จนเป็นเรื่องปกติ ทั้งยังแสดงอาการหุนหันพลันแล่น จนทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายครั้ง

ข้อเขียนชิ้นนี้  ยังระบุว่า มีกลุ่มคนลางกลุ่มอยากให้มีการใช้บทบัญญัติที่ 25 ในรัฐธรรมนูญสหรัฐ ที่ระบุถึงการขับประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งได้ แต่ไม่มีใครต้องการให้เกิดวิกฤติด้านรัฐธรรมนูญขึ้นในขณะนี้ 

ก่อนหน้านี้ นายบ๊อบ วู้ดวาร์ด นักเขียนและนักข่าวเชิงสืบสวนระดับรางวัลพูลิตเซอร์ เปิดตัวหนังสือความยาว 448 หน้า เปิดโปงโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำที่ละเลยกิจการโลก และกำลังเผชิญปัญหาความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง

นายวู้ดวาร์ด ผู้สื่อข่าวอาวุโสจากวอชิงตัน โพสต์ ซึ่งร่วมรับรางวัลพูลิตเซอร์ เมื่อปี 2516 ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข่าวคดีวอเตอร์เกต ในยุคของอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ระบุว่า หนังสือเล่มนี้ที่มีชื่อว่าFear: Trump in the White House จะวางจำหน่ายในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ก่อนหน้าที่จะมีเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐไม่กี่เดือน

หนังสือเล่มนี้ นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการสัมภาษณ์บุคคลหลายสิบคนที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีทรัมป์ และอยู่ในคณะทำงานของทำเนียบขาว รวมทั้งเอกสารข้อมูลการประชุมระดับลับสุดยอดในทำเนียบขาวที่บ่งชี้ว่า ผู้นำสหรัฐไม่แยแสกิจการของโลกมาตลอด และขณะนี้คณะทำงานของทรัมป์กำลังก่อกบฏในการบริหาร ทั้งยังมีปัญหาความขัดแย้งภายในขั้นรุนแรง

นอกจากนี้ วู้ดวาร์ด ยังระบุว่า คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่างแสดงความวิตกกังวลกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐแสดงความเห็นเชิงยั่วยุผ่านทวิตเตอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐต้องออกโรงเตือนบ่อยครั้งว่า ทวิตเตอร์อาจจะนำพาสหรัฐเข้าสู่สงครามได้