'ศรีสะเกษ' เผยมี 'ปาเกียว' เป็นต้นแบบ ทั้งใน-นอกสังเวียน

'ศรีสะเกษ' เผยมี 'ปาเกียว' เป็นต้นแบบ ทั้งใน-นอกสังเวียน

เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะมองหาใครสักคนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และพยายามดำเนินรอยตาม เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายที่พวกเขาต้องการให้ได้

ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมคนรวยและคนที่มีชื่อเสียง เช่น ดาราที่โลดแล่นอยู่บนจอภาพยนตร์, นักกีฬาซูเปอร์สตาร์ที่มีรายรับสูงเสียดฟ้า, นักธุรกิจที่มั่งคั่ง และอีกหลายต่อหลายคน กลายมาเป็นไอดอลของคนอื่นทั่วโลก

เช่นเดียวกับกำปั้นหนุ่มที่ผันตัวจากมวยไทยมาสู่มวยสากลอาชีพในปี 2009 และเป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวตคนปัจจุบันอย่าง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

ศรีสะเกษ เปิดเผยว่าเขายกย่อง แมนนี่ ปาเกียว (Manny Pacquiao) ยอดมวยซูเปอร์สตาร์ชาวฟิลิปปินส์ ตำนานกำปั้นคนเดียวในโลกที่เป็นแชมป์โลกได้ถึงแปดรุ่น และได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักมวยที่ดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์อยู่หลายปี จากบรรดาสำนักข่าวกีฬาและเว็บไซต์มวยต่างๆ

"แมนนี่ ปาเกียว คือฮีโร่ของผม เขาเป็นไอดอลของผมเลย ผมติดตามการชกของเขาอยู่เสมอ เราทั้งคู่เป็นมวยถนัดซ้ายเหมือนกัน การที่เขาใช้กำปั้นหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้นั้น ทำให้ผมเคารพนับถือเขาอย่างมาก" ศรีสะเกษกล่าว

ทั้ง ปาเกียว และ ศรีสะเกษ มีปูมหลังที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาเริ่มต้นชีวิตด้วยความยากจน ไร้บ้าน และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ด้อยโอกาส

สำหรับปาเกียว เขาคือความภาคภูมิใจของเฮเนรัล ซานโต๊ส ซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ เขาเติบโตในย่านชานเมือง ต้องซุกหัวนอนบนกล่องลังกระดาษแข็ง รับโดนัทมาแล้วขายต่อเพื่อประทังชีวิต

จนเมื่ออายุได้ 12 ปี ปาเกียวตัดสินใจหนีออกจากบ้าน มาอาศัยอยู่ข้างถนนในเมืองหลวง กรุงมะนิลา หาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทำสวนและคนงานก่อสร้าง ด้านศรีสะเกษก็ออกจากบ้านเกิดจังหวัดศรีสะเกษ เข้ามากรุงเทพฯตอนอายุ 13 ปี เพื่อหางานทำเช่นกัน

ศรีสะเกษเริ่มต้นหาเงินด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่เบี้ยเลี้ยงที่ได้ตอบแทนมานั้นไม่พอแม้จะซื้ออาหารกิน เขาจึงต้องยอมเก็บเศษอาหารจากบรรดาถังขยะของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆมากินเพื่อไม่ให้อดตาย

ท้ายที่สุด เพื่อครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ทั้งปาเกียวและศรีสะเกษได้ก้าวสู่อาชีพนักมวย เพียงหวังจะหนีให้พ้นความยากจนของตัวเองให้ได้เท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์ที่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด ทั้งสองต่างเอาชนะการเดิมพันที่ยากลำบาก และสร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเองในฐานะยอดกำปั้นของวงการได้สำเร็จ

"สิ่งสำคัญคือต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ผมพยายามเจริญรอยตามเขา (ปาเกียว) ด้วยการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่เพียงแต่บนเวที แต่ยังเป็นเรื่องการใช้ชีวิตด้วย เขาสร้างประทับใจให้ผมในหลายๆด้าน" ศรีสะเกษกล่าว

หลังหมดยุคของปาเกียว ดูเหมือนว่าตำแหน่งผู้สืบทอดจะเป็นของศรีสะเกษ ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติได้เหมือนช่วงเริ่มแรกของปาเกียวในยุคต้นๆของปี 2000 ซึ่งหากตำนานชาวฟิลิปปินส์จะหาชาวเอเชียสักคนมาสานต่อความยิ่งใหญ่ในวงการมวยโลก คนคนนั้นย่อมหนีไม่พ้นศรีสะเกษ ซึ่งนักชกชาวไทยเองก็มั่นใจว่าจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ถูกยอมรับจากทั่วโลก ในนามตัวแทนของชาวเอเชีย ผมพร้อมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้"

ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มีคิวป้องกันแชมป์สภามวยโลก (WBC) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต กับ Iran "MagnifiKO" Diaz ผู้ท้าชิงชาวเม็กซิกัน ในฐานะคู่เอกของศึก ONE: KINGDOM OF HEROES วันที่ 6 ตุลาคมนี้ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ยืนอยู่ในจุดนี้ และผมก็รู้ว่าแฟนๆหลายล้านคนจะคอยติดตาม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องทำให้ดีที่สุด ผมรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะได้ขึ้นสังเวียนอีกครั้งเพื่อโชว์ฝีมือให้คนทั้งโลกได้เห็น" ศรีสะเกษทิ้งท้าย