'ซันโทรี่-เป๊ปซี่โค' เขย่าพอร์ต รับเมกะเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

'ซันโทรี่-เป๊ปซี่โค' เขย่าพอร์ต รับเมกะเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

กระแสโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ธุรกิจต้องปรับตัวให้ก้าวทัน “เมกะเทรนด์”  เป็นโจทย์ใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจของ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT

ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง เป๊ปซี่โค อิงค์ บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ และกลุ่มซันโทรี่ผู้เล่นระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้กลยุทธ์ GROWING FOR GOOD!! เป็นโรดแมพสร้างการเติบโตและรับมือการแข่งขันในสมรภูมิเครื่องดื่มไทยมูลค่า 1.54 แสนล้านบาท ที่ร้อนระอุ!!

หลังประกาศร่วมทุนเมื่อเดือน พ.ย. 2560 “SPBT” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มี.ค. 2561 ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้กับเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เครื่องดื่มเป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่น-อัพ ชาพร้อมดื่มลิปตัน เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด และเครื่องดื่มอควาฟิน่า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและสินค้าใหม่ๆ จากซันโทรี่ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโออย่างเต็มรูปแบบ ผ่านความร่วมมือเชิงเชิงกลยุทธ์ระหว่างซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย

โอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ  SPBT กล่าวว่า  SPBT มีทุนจดทะเบียน 19,680ล้านบาท มุ่งเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากซันโทรี่เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง และสร้างความแข็งแกร่งในตลาดน้ำอัดลมของไทยที่มีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท

 นอกจากเครื่องดื่มที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน SPBT จะสร้างโอกาสการเติบโตโดยขยายไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ผู้บริโภครุ่นใหม่”   ทั้งเครื่องดื่มที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่น เครื่องดื่มเกลือแร่ ชาและกาแฟพร้อมดื่ม น้ำดื่มบรรจุขวด และน้ำผลไม้ รวมถึงนวัตกรรมใหม่  โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ SPBT คือ มิรินด้า มิกซ์-อิท เครื่องดื่มน้ำอัดลมสองกลิ่นผลไม้ในขวดเดียว รับเทรนด์วัยรุ่นโดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพด้วยสูตรน้ำตาลน้อย

หากพิจารณา เมกะเทรนด์ผู้บริโภค พบ 4 เทรนด์ใหญ่ที่เป็นโจทย์ตั้งของการพัฒนาโปรดักท์ ประกอบด้วย การเติบโตของประชากรในเมือง โดยประเทศไทยประชากรกว่า 50% เข้ามาอยู่ในเมืองเป็นหลักและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมกะเทรนด์ที่สอง ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เป็นที่มาของการปรับพอร์ตธุรกิจเน้นสูตร น้ำตาลน้อย เมกะเทรนด์ที่สาม ความนิยมซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ สุดท้าย การเติบโตของร้านค้าสะดวกซื้อและร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่มีผลต่อพฤติกรรมลูกค้าเข้าร้านค้าปลีกเล็กมากกว่าร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ 

เทรนด์การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เราต้องปรับพอร์ตธุรกิจ เพิ่มสินค้าแคลอรี่น้อยหรือไม่มีแคลอรี่มากขึ้น” 

เป็นไปตามแผนธุรกิจทั่วโลกระยะ 10 ปี (2559-2568) ตามนโยบาย Performance with Purpose ของเป๊ปซี่โคตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน 100 แคลอรี่ต่อปริมาตร 12 ออนซ์ ให้ได้ “2ใน3” ของพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2568 

ที่ผ่านมา SPBT  นำเสนอสินค้าเครื่องดื่มที่ลดปริมาณน้ำตาลลง อาทิ เครื่องดื่มอความฟิน่า วิต ซ่า, มิรินด้า มิกซ์-อิท, เป๊ปซี่ แม็กซ์ เทสต์ (ปราศจากน้ำตาล), ชาเขียวลิปตัน กลิ่นมะม่วงใบเตย และเซเว่นอัพ โลว์ชูการ์ และเตรียมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์สร้างการเติบโตในระยะยาว SPBT จะมีการลงทุนในผลิตภัณฑ์หลักสร้างแบรนด์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำดำการขยายพอร์ตโฟลิโอด้วยนวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ การรุกขยายระบบการกระจายสินค้าและเพิ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง 

ปัจจุบันเครื่องดื่มเป๊ปซี่ เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำดำในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (ขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 45% ในปี 2560 ของตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในไทยมูลค่า 5.49 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด)

ที่ผ่านมา เป๊ปซี่โค วางโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วยการลงทุนในประเทศไทยมูลค่ากว่า 775 ล้านดอลลาร์ มีพันธมิตรในการกระจายสินค้า 25 ราย มีจุดส่งสินค้า 68 จุด ครอบคลุมร้านค้าปลีกกว่า 4.7 แสนแห่งทั่วประเทศ โดยมี 2 โรงงาน 12 สายการผลิต