กลต.เชือด ‘ศุภนันท์-ฐนวัฒน์’ อินไซด์หุ้นไอเฟค

กลต.เชือด ‘ศุภนันท์-ฐนวัฒน์’ อินไซด์หุ้นไอเฟค

ก.ล.ต. เชือดอดีตผู้บริหาร “ไอเฟค” 2 ราย “ศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์” และ “ฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ” ฐานใช้ข้อมูลภายในเทรดหุ้น เรียกค่าปรับรวม 25.8 ล้าน

ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการและผู้บริหาร และอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) รายนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ และนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น IFEC โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 25.86 ล้านบาท

ก.ล.ต. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ถือหุ้นของ IFEC จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะกรรมการและผู้บริหาร และนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ ขณะกระทำผิดเป็นกรรมการและผู้บริหาร ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และทราบถึงปัญหากระแสเงินสดของบริษัทมีไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปลายปี 2559 หลังจากนั้นนายศุภนันท์และนายฐนวัฒน์ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในดังกล่าวขายหุ้น IFEC ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง จำนวน 10,153,186 หุ้น และ 978,000 หุ้น ตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากการลดลงของราคาหุ้นเกี่ยวกับปัญหากระแสเงินสดที่ไม่เพียงพอชำระหนี้ดังกล่าว

การกระทำของบุคคลทั้ง 2 ราย ข้างต้น ที่อาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น เพื่อขายหุ้น IFEC เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 242 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับใช้กับนายศุภนันท์และนายฐนวัฒน์ โดยกำหนดให้นายศุภนันท์และนายฐนวัฒน์ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดรวมเป็นเงิน 22.89 ล้านบาท และ 2.97 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งหากทั้งสองรายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนดและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด

ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายศุภนันท์และนายฐนวัฒน์ เป็นเหตุให้นายศุภนันท์และนายฐนวัฒน์เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยกรณี นายศุภนันท์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหาร จะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือที่ ก.ล.ต. จะแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจดังกล่าวในขั้นตอนหลังจากนี้ต่อไป