"พล.อ.ประยุทธ์" หอบคณะ ตรวจราชการ "ระนอง" บอกปัญหาการพัฒนาที่ผ่านมา เหมือน "อีสุกอีใส" ย้ำไม่ได้มาเพื่อการเมือง ลั่นอย่าให้วินัยการเงินการคลัง ประเทศเจ๊ง ชี้อย่าเล่นการเมืองแบบแข่งขันทำลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.61 เวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาตและสิ่งแวดล้อม นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เดินทางมาตรวจราชการที่ จ.ระนอง เพื่อติดตามการดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาล อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยวจ.ระนอง ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การส่งเสริมแพทย์ทางเลือกโดยการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพด้วยน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ การผลักดันท่าเรือระนองเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ชายแดนฝั่งอันดามัน การรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลโดยการใช้ปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งพักอาศัย แหล่งอาหารและแหล่งสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำ
จากนั้น เวลา 09.10 น. นายกฯและคณะ เดินทางมาถึงหอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อพบประชาชนและเป็นสักขีพยานพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง-ละอุ่น” เนื้อที่ 511–3–33 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง โดยมีนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาจังหวัดระนอง ต้องขอโทษที่มาช้าเพราะติดหลายจังหวัด วันนี้เราต้องช่วยกันคิดว่าจะพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้อย่างไร เจตนารมย์ของรัฐบาลที่เข้ามาบริหารงานในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเราต้องบริหารงานไปพร้อมพร้อมกัน ทั้ง ครม. ที่เปรียบเสมือนฝ่ายการเมือง มีข้าราชประจำที่เป็นผู้ปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล และประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม ทุกคนทราบดีว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมายาวนาน บางเรื่องมีปัญหานับตั้งแต่ 2534 หลายอย่างมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการแก้ไข จึงต้องมี คสช. ที่เข้ามาแก้ปัญหา เช่น การจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ อย่างถูกต้องตามกฏหมาย โดย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กรมธนารักษ์ จะต้องบูรณาการร่วมกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา และทุกด้าน โดยเฉพาะการบริหารราชการที่ปัญหาสั่งสมมานาน เพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีระเบียบและความมั่นคง ไปสู่วิสัยทัศน์ของเรา อนาคตข้างหน้าเราต้องการให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน เรามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน โดยเราจะมีแผนงานร่วมกันทั้งประเทศ ซึ่งแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ที่ประชาชนจะรู้ล่วงหน้าว่าเรามีการเตรียมการเรื่องใดบ้าง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทโลก โดยรัฐบาลได้ทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อย่างชัดเจน ต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งมีการพัฒนาเป็นจุดๆ เหมือนเลโก้ หรือตัวต่อ มีปัญหาเหมือนโรคอีสุกอีใส ไม่เชื่อมโยงกัน
“ปัญหาที่ผมกังวลมากที่สุดคือปัญหาด้านการเกษตร เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งนับวันรายได้ยิ่งลดลง ผมไม่ได้พูดให้ทุกคนตกใจ แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไร เพราะทุกปัญหาเราต้องปรับตัว อยากไปฟังว่าเขาจะให้นี่ให้นั่น สุดท้ายก็จะเกิดเป็นจุดๆ เพราะให้มากเกินความจำเป็น มีปริมาณมากกว่าความต้องการของตลาด ในข้อเท็จจริงเราต้องคำนึงถึงการตลาด ใช้ผลิตออกมาแล้วโยนภาระให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ สุดท้ายจะไม่มีงบประมาณมาทำด้านอื่น ทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ในการตลาด เพราะถ้าไม่เรียนรู้ก็จะเกิดความขัดแย้งกับภาครัฐ ใครพูดอะไรก็จะหลงเชื่อไปหมด และการที่รัฐบาลมาที่นี่เพราะให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยง ไม่ว่าจะเป็นถนน เส้นทางรถไฟ ท่าเรือ ทำให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส ถือเป็นการช่วยเหลือที่ถูกต้อง รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ทุกคนต้องเข้าใจในจุดนี้ เพราะถ้ามุ่งหวังเฉพาะเรื่องส่วนตัว เราก็จะไม่ได้อะไรเลย การพัฒนาจะไม่เกิดขึ้น” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหลายโครงการที่จะลงมาในพื้นที่นี้ โดยเป็นการเริ่มต้นในระยะแรก เพื่อความต่อเนื่องเชื่อมโยงจากของเดิม เช่น การเชื่อมต่อถนน เส้นทางคมนาคม สิ่งที่พูดนี้จะต้องเกิดขึ้นในทุกจังหวัด เพื่อความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อทั้งประเทศ เราฝากความหวังไว้กับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ไม่อยากบอกว่าให้ความหวังกับทุกท่าน แต่เราพร้อมจะให้ข้อเท็จจริงกับทุกคน ว่าอะไรควรเกิดขึ้นบ้างในภาคใต้ โดยจะกำหนดไว้ไหนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนแม่บท ถ้าอนาคตเขาจะเปลี่ยนขึ้นมา ต้องเป็นความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย รัฐบาลนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่เราทำเช่นนี้มาโดยตลอดใน 4 ปีที่ผ่านมา โดยนำแผนงานโครงการของรัฐบาลที่ทำแล้ว มาชี้แจงพูดคุยขอความเห็น และปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการ
“ขอร้องทุกคนอย่าหลงเชื่อใครง่ายๆ เพราะสำหรับผมแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอก็พร้อมให้ ตามเหตุผลและความจำเป็นที่แท้จริง เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด อย่าลืมว่าประเทศไทยมี 77 จังหวัด ขอให้ดูว่า 4 ปีนี้เกิดอะไรขึ้นในประเทศบ้าง และอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รัฐบาลนี้ทำให้ทุกคนได้รับทราบ เพื่อปรับแก้ต่อไปในรัฐบาลหน้าได้ ทุกรัฐบาลควรมีหลักการนี้ และอยากบอกว่า เรามีรถไฟมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2500 กว่ากิโลเมตร และจะได้ทำรางคู่เพิ่มมาอีก 600 ร้อยกว่ากิโลฯ รัฐบาลนี้ได้เข้ามาวางแผนจะทำต่ออีก 2000 กว่ากิโลฯ เกือบเท่าเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา และยังมีแผนจะทำต่ออีกด้วย โดยมีแผนจะทำให้ได้ 4000 กว่ากิโลฯ นี่เป็นความแตกต่าง ใครจะทำต่อก็ว่ากันมา เพราะผมได้วางแผนไว้ให้ ขอฝากให้ประชาชนช่วยกันดูด้วยว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาอย่างไร เขาจะทำหรือไม่ทำ จะพูดอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า ก็เป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง”
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตนได้สั่งการเรื่องการเดินเรือเพื่อขนส่งทางน้ำและการท่องเที่ยว เพราะทำการเกษตรอย่างเดียวไม่พอ ต้องเสริมเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ถ้าสงวนพื้นที่ไว้โดยไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนจะเป็นความขัดแย้ง แต่ต้องไม่เป็นการทำลาย ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยต้องดูแล การที่เราเปิดให้บริการท่องเที่ยวด้านสุขภาพ เราทำตามกติกากฎหมายที่มี แต่หลายคนอาจนำไปบิดเบือน ว่าที่ดินจะไม่มีเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางมาและเลือกที่จะอยู่เมืองไทยเลยนั้น ขอถามว่าใครเป็นคนทำผิดกฎหมายให้เขาอยู่ได้ ในเมื่อกฎหมายมีตามขั้นตอน บางครั้งเราเองไปเป็นนอมินีให้เขาในการถือครองพื้นที่แทน ดังนั้น ต้องดูทั้งหมด แต่ถ้าติอย่างเดียวก็ไปไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่รัฐบาลจะต้องนำคน 1.0 ไปสู่ 4.0 ไม่ใช่บอกว่าจะให้อะไรๆ แล้วจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้ มันจะเกิดปัญหาความมั่นคงมาอีก อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นจะต้องระมัดระวังตรงนี้ให้มากที่สุด การสัญญาว่าจะให้นี่ให้นู้น แต่ตนให้ด้วยงบประมาณที่วางไว้ และวางต่อเนื่องไปในระยะหน้า ท่านก็ต้องดูอีกที รัฐบาลหน้าจะมากันอย่างไร และจะทำอะไรกันต่ออย่างไร ตนไม่อาจก้าวล่วงได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้กลไกประชารัฐเข้ามาทุกพื้นที่ แต่อาจไม่ถึงทุกครัวเรือน และโครงการไทยนิยมลงไปเพื่อคุยกับชาวบ้านทุกหมู่บ้าน หากประชาชนไม่ไม่ร่วมเวทีรับฟังก็จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการต่อยอดงบ 2 แสนเดิม และจะมีงบท้องถิ่นเติมลงมาอีก ขณะที่งบส่วนกลางและภูมิภาคก็จะลงมาอีก ทุกอย่างก็จะค่อยๆ โตขึ้น นั่นคือการสอนวิธีคิด และแนะนำวิธีคิดให้ว่าจะพัฒนาบ้านเมืองอย่างไร
"วันนี้รัฐบาลรื้อยุทธศาสตร์มาดูทั้งหมดทุกจังหวัด ว่าสิ่งที่เขียนไว้ทำไปถึงไหน จะเขียนไว้เลื่อนลอยไม่ได้ รัฐบาลนี้จะหาคำตอบให้ด้วยการวางแผนแม่บทระยะยาว 20 ปี รัฐบาลพยายามบริหารเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ หากมีการลงทุนหรือหนี้สาธารณะจากการกู้เงินต้องไม่เกินตัวเลขที่กำหนดตามกฎหมาย รัฐบาลนะวังทุกตัว มีพ.ร.บ.การเงินการคลัง ฉะนั้น วันหน้า ใครจะบอกว่ามาให้ตรงนี้ตรงนั้นต้องถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนด้วย และคงทำไม่ได้แบบเดิม เพราะกฎหมายได้เขียนไว้แล้ว เพื่อไม่ต้องการให้ระบบการเงินการคลังของประเทศเสียหายอย่างที่ผ่านมา ฉะนั้น ใครพูดอะไรก็ฟังด้วยรัฐบาลนี้ไม่ได้รังแกใคร ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และวันนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเก่าๆทั้งสิ้นก็ไปว่ากันมา แต่ของใหม่อย่าทำอีก ประชาชนต้องกำกับดูแลควบคุมรัฐบาล เพราะท่านเป็นคนเลือกตั้งเข้ามา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศมีความสุขประเทศเพราะกินข้าวในรถ ทำทุกอย่างในรถได้หมด เขาพูดประชด รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาจราจรให้ได้ "แต่ผมไม่ได้หมายความจะแก้ไข้ให้ได้ 3 เดือน เวลาที่ผมพูดสื่อลงไม่ครบ ใครจะไปแก้ไขได้ใน 3 เดือน ต่อให้ท่านคอซู้เจียง(พระยาดำรงสุจริตมหิศารภักดี ซึ่งเป็นเจ้าเมืองระนองคนแรก)ก็ทำไม่ได้ ปัญหาเกิดมากี่ปีแล้วขอถาม ต้องดำเนินการ ไปดูว่าตำรวจ จราจร คมนาคมทำอย่างไร เราต้องทำอย่างไรกับเส้นทางในกรุงเทพวันนี้มันติดไปหมด ถ้าจะแก้ปัญหาไม่ให้รถติด ก็ต้องใช้รถให้น้อยลง แล้วอยากถามว่าเส้นทางรถไฟผ่านทุกที่หรือไม่ อย่างครอบครัวคนไทยจะทำอย่างไร ในเมื่อสามีทำงานอีกที่ ภรรยาทำงานอีกที่ ลูก3 คนเรียนกันคนละที่ แล้วรถไฟฟ้าวิ่งกันแบบนี้ไหมก็ไม่มี เราต้องมาดูการเชื่อมต่อว่าจะทำอย่างไร เพิ่มการเดินทางทางน้ำได้อย่างไร พอจะใช้เรือก็เหม็น เพราะน้ำเสียที่ปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง ถ้าเราไม่แก้ปัญหาเหล่านี้มันไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ที่สุด
นายกฯ กล่าวว่า ตนบอกว่า 3เดือนจะแก้ปัญหาจราจร ให้ทุกหน่วยงานเสนอปัญหาเข้ามาให้ผมภายใน 3 เดือน เสนอวิธีการ เพราะตนไม่ใช่ตำรวจจราจร แต่ตนจะเล่นงานตำรวจจราจร ถ้าไม่เสนออะไรให้ดี ถ้าเสนอแบบเดิมๆก็ไม่ให้ มันก็จะพอกพูนปัญหาไปเรื่อยๆ ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาหรือไม่ เพื่อควบคุมการจราจรของพื้นที่กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ทั้งระบบไหม อัตโนมัติหรือไม่ ไม่ใช่เอาตำรวจเพิ่ม เพราะเอาตำรวจเพิ่มเข้าไปก็โดนด่าอีก เมืองนอกไม่ใช้แบบนี้แล้ว "วันนี้ผมพูดอีกที่นะสื่อ หาเรื่อง อีกคนพอผมบอกจะแก้ปัญหาใน 3 เดือน อีกพวกก็บอกว่าผมเป็นเทวดาหรือไง ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะพูดว่าแก้ปัญหา 3 เดือน ผมขอโทษที่พูดไม่เพราะ เพราะบางทีมันก็กดดันเหมือนกัน เพราะผมไม่สามรถไปตอบโต้ใครได้ทุกคน ก็ต้องใช้โอกาสแบบนี้ ผมไม่ทะเลากับใคร ยกเว้นใครอยากมาทะเลาะกับผม"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องคิดใหม่ ไม่อย่างนั้นก็แบบเดิม หรือใครให้เงินก็เป็นรัฐบาลได้ นั้นแหละท่านทำร้ายประเทศตัวเองในวันหน้า เป็นไปไม่ได้เพราะที่ผ่านมาปัญหามันค้างอยู่เยอะแยะ เงินที่ควรใช้ได้ก็ไปติดอยู่ ตรงนี้ก็ไปว่ากันตามกระบวนการกฎหมาย ผิดหรือถูกบวกในบัญชีอยู่แล้ว ในส่ิงที่เราต้องทยอยใช้หนี้ ไม่ว่าจะการเกษตรหรืออะไร รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้คนตกงาน และถ้าไม่คิดแบบตนมีตกงาน วันนี้ต้องปรับเปลี่ยน บางคนบอกทำแล้วก็อยู่ 0.4 แล้วคนที่พูดก็เป็นการการเมือง แล้วคุณทำให้เขาเป็น 0.4 หรือเปล่า รัฐบาลนี้กำลังทำกำลังบวกเข้าไปทุกมาตรการ และทุกคนต้องทำตามกฎหมาย เวลานี้รัฐบาลลงทุนไม่ได้ เพราะเงินไม่พอ ต้องให้ภาคธุรกิจมาลงทุน ในลักษณะร่วมหรือสัปทาน ต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่รัฐบาลไปเอื้อผู้ผลิตรายใหญ่ หากไม่ทำแบบนี้รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลคนจน วางอนาคต มาลงทุน รัฐบาลลงทุนหมดไม่ไหวขอให้เข้าใจด้วย อย่าไปเชื่อว่ารัฐบาลไปเอื้อประโยชน์ เพราะเรามีการเปิดประมูล ซึ่งภาคธุรกิจเสนอขึ้นมา ใครได้ก็ว่ามา ไม่ใช่อยู่ดีๆไปยกให้ ทำได้ที่ไหน แต่ที่ผ่านมามี แต่รัฐบาลนี้ไม่มี หากมีแจ้งมาจะลงโทษให้
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาการเมือง ถ้าการเมืองแสดงว่าตนทำการเมืองมาตั้งแต่แรก ปีแรกที่เข้ามาก็ไปประชุมนอกสถานที่บ้าง ก็ทยอยมามากน้อย ปีแรกไม่ต้องทำอะไร รบกันแต่เรื่องเดิม รบกันแต่เรื่องความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย วันนี้ลืมหรือยังความสงบเรียบร้อยที่เกิดขึ้นมา เราไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่ติดการประท้วง อย่าให้มันมีอีกแล้วกัน ไม่อย่างนั้นจะทำลายตัวเองไปหมด ที่ทำมา 4 ปีมันจะหายไปทั้งสิ้น การทำการเมืองใหม่ ต้องทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การเมืองที่แข่งกันและทำลายซึ่งกันและกัน ตนไม่ต้องการแบบนั้นจะเห็นว่าตนก็พูดอย่างระมัดระวัง แต่ท้ายสุดปัญหามันก็กลับมาที่ตนอยู่ดี ฉะนั้นเราต้องช่วยดูด้วยกัน ยังไงตนก็ทำให้ท่านอยู่แล้ว แต่ต้องขอความร่วมมือจากท่านทุกเรื่อง เพราะกฎหมายอย่างเดียวที่สร้างความเท่าเทียม ตนก็กฎหมายเดียวกับท่านและมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเพิ่มไปอีกอัน เป็นทหารก็มีวินัยทหาร ตำรวจมีวินัยตำรวจ อย่าลืมว่าคนในประเทศมีทั้งคนเลวคนดี ทุกประเทศเป็นอย่างนี้ เพียงแต่ว่าเราจะมีความละอายเกรงกลัวต่อบาปแค่ไหน แต่ถ้ารวยแล้วโกงเขามาก็น่าจะอายใช้เงินบ้าง