'ศรีสุวรรณ' เรียกร้องละเมิดสิทธิ บุกจับ 'พุทธะอิสระ'

'ศรีสุวรรณ' เรียกร้องละเมิดสิทธิ บุกจับ 'พุทธะอิสระ'

"ศรีสุวรรณ" จ่อยื่นหนังสือผู้ตรวจการฯ-กสม. เช็คบิลคอมมานโดอาวุธครบมือบุกจับ "พุทธะอิสระ" พร้อมเสนอ "นายกฯ" ปรับแก้กฎ-คําสั่งขั้นตอนปฏิบัติเกินกว่าเหตุกระทบสงฆ์

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.61 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นคำร้องต่อ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" และ "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" (กสม.) ในวันที่ (28 พ.ค.) เพื่อเพื่อเสนอแนะต่อ "นายกรัฐมนตรี" และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ปรับปรุงกฎหมาย หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ เกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ ตำรวจหน่วยคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ เข้าจับกุม "พุทธอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ตามหมายจับคดีอาญา

โดย "นายศรีสุวรรณ จรรยา" เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไป ในการดำเนินการของของเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือ ในการเข้าจับกุม "พระพุทธอิสระ" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางโซเชียมีเดีย เห็นมีการทุบประตู และเข้าจับกุมขณะอยู่บนที่นอน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างล้นหลามต่อเนื่องว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมและอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน และอาจมีความผิดในลักษณะเหยียดหยามศาสนา ตามบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 และเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 มาตรา 27, 29 วรรคสอง , 31, 67 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาโดยชัดแจ้ง

กรณีของ "พระพุทธอิสระ" นั้นในทางกฎหมาย บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา "พระพุทธอิสระ" ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีเลยแต่อย่างใด ยังคงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ ณ กองปราบปราบฯในหลายๆ กรณี และไปขึ้นศาลในคดีความต่างๆ เรื่อยมา เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจพึงที่จะต้องมีหมายเรียกผู้ต้องหามาสอบปากคำก็เพียงพอแล้ว มิใช่ใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยใช้กองกำลังคอมมานโดนับร้อยเข้าดำเนินการเข้าจับกุม ทำลายทรัพย์สิน และใช้วาจาในลักษณะเดียวกันกับบุคคลทั่วไปที่เป็นผู้ก่อการร้ายหรือผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง

แม้ "นายกรัฐมนตรี" และ "รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง" จะออกมากล่าวขอโทษต่อประชาชนและศิษยานุศิษย์ของพระพุทธอิสระแล้วก็ตาม แต่ทว่าคำขอโทษก็เป็นเพียงลมปากที่ใช้เป็นบรรทัดฐานในทางกฎหมายถึงการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปในอนาคตไม่ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว "สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย" จำต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 มาตรา 50(1) เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งศาสนา จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" และ "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ" เพื่อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้มีการปรับปรุงกฎหมาย , กฎ , ข้อบังคับ , ระเบียบหรือคําสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ ในการเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา อันก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่พระภิกษุโดยไม่จําเป็น หรือเกินสมควรแก่เหตุ รวมทั้งตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีดังกล่าว และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย

โดยสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ในวันจันทร์ที่ 28 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. และไปยื่นคำร้องต่อ "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ" ในเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ราชการ อาคาร B ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่