เส้นทางขรก. 'ร.ท.ฐิติทัศน์' ก่อนสำรองราชการ จ่อปลดหาก15วันไม่รายงานตัว

เส้นทางขรก. 'ร.ท.ฐิติทัศน์' ก่อนสำรองราชการ จ่อปลดหาก15วันไม่รายงานตัว

เปิดเส้นทางชีวิตขรก. "ร.ท.ฐิติทัศน์" ก่อนถูกสำรองราชการ จ่อปลดออกทันทีหาก 15 วันไม่รายงานตัว เอี่ยวอื้อฉาวคดีทอนเงินวัด-แม่บ้านรับโอน25ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกอบัญชาการกองทัพไทยว่า เมื่อ 18 พ.ค. 2561 พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รองผบ.ทสส.) ทำหน้าที่แทน ผบ.ทหารสูงสุด ได้ลงนามในคำสั่ง กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ 208/2561 สำรองราชการ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ซึ่งเป็นที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับคดีเงินทอนวัด ทั้งนี้หากภายใน 15 วัน หากร.ท.ฐิติทัศน์ ไม่มารายงานตัวก็จะถูกปลดออกจากราชการทันที

ทั้งนี้หลังจากที่พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วนและคณะกรรมการได้พยายามติดตามตัว ร.ท.ฐิติทัศน์ มาสอบสวนแต่ไม่สามารถติดต่อได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบประวัติการเข้ารับราชการของ ร.ท.ฐิติทัศน์ พบว่า ได้ใช้วุฒิปริญญามหาบัณฑิตนิเทศศาสตร์ สื่อสารการท่องเที่ยวและบันเทิง มหาวิทยาลัยเกริก เข้ามารับราชการทหารประจำ ศรภ. เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2559 ในยุคที่พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด

หลังจากนั้น ได้ถูกส่งตัวมาช่วยราชการที่สำนักงานของ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร ที่ในขณะนั้นเป็น รองเสนาธิการทหาร แต่ปรากฏว่า ร.ท.ฐิติทัศน์ ไม่เคยมาทำงานที่สำนักงาน รองเสธ.ทหาร มีแต่ชื่อขอฝากเอาไว้เท่านั้น เพราะถูกขอตัวไปช่วยราชการที่สำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อไปดูแลนายพิศิษฐ์ ลีลาวัชโรภาส ผู้ว่าฯ สตง. ตั้งแต่ปี 2559

ทั้งนี้ ตามระเบียบทางราชการผู้ว่าฯ สตง.สามารถร้องขอนายทหาร ไปติดตามดูแลได้ เพราะการทำหน้าที่ของผู้ว่าฯสตง.ในเรื่องการตรวจสอบต่างๆ อาจมีอันตรายซึ่งศรภ.มีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งนายทหารไปดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญตามคำร้องขอ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนฯปรากฎว่าไม่พบว่ามีหนังสือขอตัวไปช่วยราชการที่ สตง.ของ ร.ท.ฐิติทัศน์ อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่อย่างใด แต่ทว่าเป็นที่รับรู้กันภายในว่า ร.ท.ฐิติทัศน์ ไปติดตามนายพิศิษฐ์ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นบ้านพักและพบอาวุธปืนจำนวนมาก