'เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป' คุยเฟื่อง 'พื้นที่เช่า&โรงแรม'

'เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป' คุยเฟื่อง 'พื้นที่เช่า&โรงแรม'

สำรวจตัวเลขรายได้-กำไรสุทธิ 'เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป' เติบโตโดดเด่น ผ่านมือปืนรับจ้างตัวจริง 'ชาญชัย พันธุ์โสภา' ตอกย้ำแผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า องค์กรแห่งนี้ต้องลงทุน 'พื้นที่เช่า & โรงแรม' ใหม่ๆ เข้ามา...!!

ผลงานโดดเด่นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) สะท้อนผ่าน 'กำไรสุทธิ' ที่ขยับขึ้นจาก 629 ล้านบาท มาเป็น 771 ล้านบาท ส่งผลให้ราคา หุ้น เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป หรือ PLAT ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ของ 'กลุ่มโชติจุฬางกูร' ในฐานะหุ้นใหญ่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาไอพีโอที่ 7.40 บาทต่อหุ้น นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2558 ล่าสุดราคาซื้อขายเฉลี่ยหุ้น PLAT อยู่ที่ 8 บาทต่อหุ้น (วันที่ 19 เม.ย.2561) 

ขณะเดียวกันหุ้น PLAT ยังได้ความสนใจ จากเหล่ากองทุนทั้งในและนอกประเทศมากขึ้น บ่งบอกผ่านการทยอยเข้าถือหุ้นของนักลงทุนหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว , สำนักงานประกันสังคม , กองทุนเปิด บัวหลวงปัจจัย 4 หุ้นระยะยาวปันผล , กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 , กองทุน ผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ , HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD และ JPMORGAN THAILAND FUND 

โดยมีสัดส่วนการลงทุน 1.56% , 1.00% , 0.65% , 0.62% , 0.60% , 0.58% และ 0.51% (ตัวเลขวันปิดสมุดทะเบียน 2 มี.ค.2561)

'ชาญชัย พันธุ์โสภา' กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป หรือ PLAT บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า 'กำไรสุทธิและรายได้' ที่ขยายตัวตัวต่อเนื่อง รวมทั้ง 'โครงการ เดอะมาร์เก็ต บาย แพลทินัม' (The Market Bangkok) ย่านราชประสงค์ ที่มีความคืบหน้าและจะเปิดบริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2561 ทำให้นักลงทุนสนใจหุ้น PLAT มากขึ้น ล่าสุดสัดส่วนการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและนอกประเทศอยู่ 'ระดับ15%' ขยับขึ้นจากช่วงที่บริษัทเข้าระดมทุนที่มีตัวเลขอยู่ที่ 5-6% 

'หุ้น PLAT เป็นหุ้นที่นักลงทุนต้องถือลงทุนในระยะยาว เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการลงทุน ฉะนั้น ผลการดำเนินงานจะยังไม่เห็นเข้ามา แต่ว่าหลังจากนี้จะเริ่มเห็นการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่กำลังจะเปิด'  

เมื่อเจาะลึกสตอรี่ดันฐานะการเงิน 'มือปืนรับจ้าง' แจกแจงว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทอยู่ในช่วงของการ 'ขยายการลงทุน' ทว่าว่าตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาล 'เก็บเกี่ยว' แล้ว เพราะว่าโครงการ เดอะมาร์เก็ต บาย แพลทินัม จะเปิดให้บริการศูนย์ค้าปลีกโซน 1 และ 2 จำนวนพื้นที่ 28,000 ตารางเมตร มีร้านค้ากว่า 1,500 ร้านค้า    

โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาปีนี้ 1 เดือน ก่อนจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2562  โดยคาดว่าจะมีรายได้ต่อปีที่ราว 670 ล้านบาท โดยทีมงานฝ่ายขายพื้นที่เช่าได้นำเสนอพื้นที่ขายไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 2660  และปัจจุบันยังมีการนำเสนอเพิ่มเติมอยู่ และในบางรายอยู่ในระหว่างรออนุมัติทำสัญญากันทั้งสองฝ่าย และคาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ได้เดือน ส.ค.-ต.ค.นี้ 

และในปี 2563 มีพื้นที่เช่าพาณิชย์อีก 6,700 ตารางเมตร  รวมทั้งมีโรงแรมบนศูนย์การค้า The Market จำนวน 2 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมจำนวน 532 ห้อง ปัจจุบันมีการออกแบบรูปร่างอาคารเรียบร้อยแล้ว และมีโรงแรมด้านหลังอีก 434 ห้อง รวมทั้งหมด 900 กว่าห้อง ในปี 2565 จะมีอาคารสำนักงานให้เช่ามีพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร 

'ฉะนั้น ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะมีพื้นที่เช่าเพิ่มจาก 30,000 ตารางเมตร เป็น 105,800 ตารางเมตร'  

สำหรับงบลงทุนช่วง 5 ปี (2561-2565) ตั้งไว้ที่ 9,900 ล้านบาท แบ่งเป็นก่อสร้างศูนย์การค้า The Market , โรงแรม และอาคารสำนักงานบนศูนย์ค้า The Market , โรงแรม Holiday Inn Express และ Holiday Inn Resort ตั้งอยู่เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัทปัจจุบันที่ 5,000 ล้านบาท และ ในแต่ละปีมีเงินสดจากการดำเนินอีก 500-600 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีศักยภาพในการกู้เงินได้มาก เพราะว่ามี 'หนี้สินต่อทุน' (D/E) เพียง 0.17 เท่า 

'ชาญชัย' เล่าต่อว่า แต่ระหว่างทางบริษัทยังมีโครงการลงทุนใหม่ๆ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งมีโอกาสลงทุนทั้งใน 'ธุรกิจศูนย์ค้าปลีก-ส่งและธุรกิจโรงแรม' แห่งใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามาอีก ซึ่งปัจจุบันกำลังเจรจาและเรื่องทำเลพื้นที่ โดยศูนย์ค้าการค้าจะยึดในทำเลประตูน้ำขณะที่โรงแรมมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

สำหรับ 'ธุรกิจพื้นที่เช่า' ปัจจุบันมี 'ศูนย์แฟชั่นค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์' (The Platinum Fashion Mall) แต่ปลายปีนี้จะมีโครงการ The Market พื้นที่ 28,000 ตารางเมตร และตลาดนัด นีออน ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ 100 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 60-70 ล้านบาทโดยในปีนี้ตลาดนีออน จะมีการขยายกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งยังมีพื้นที่เหลือ 400 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการทำกิจกรรมอะไรเป็นแค่คนเดินผ่านไปมา คาดว่าถ้านำมาทำกิจกรรมการตลาดน่าจะทำให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งตามแผนบริษัทจะทยอยทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ 'ธุรกิจโรงแรม' ซึ่งมีโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม แห่งเดียว จำนวน 288 ห้อง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานเติบโตทุบสถิติ (นิวไฮ) ทุกส่วน โดยมียอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นทำให้อัตราเข้าพัก (OCC) อยู่ที่ 95%เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน

'ในปี 2563 จะมีจำนวนโรงแรม 5 แห่ง คือ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ,โรงแรมบนโครงการ The Market จำนวน 2 แห่ง และโรงแรมบนเกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี จำนวน 2 แห่ง'

ขณะที่ความคืบหน้าในการลงทุน โรงแรม 2 แห่ง ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี คือ โรงแรม Holiday Inn Express จำนวน 200 ห้อง และ โรงแรม Holiday Inn Resort จำนวน 150 ห้อง ล่าสุดกำลังจะทำ 'ผลกระทบสิ่งแวดล้อม' (EIA) รอบที่ 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. 2561 โดยใช้งบลงทุนอยู่ที่ 900 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม อนาคตธุรกิจโรงแรมมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีการบริหารโรงแรมด้วยแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันกำลังดูนโยบายที่ชักเจนเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเราเอง ประกอบกับตอนนี้ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญสุดของบริษัทอายุแค่ 13-14 ปี คือ พนักงานมีค่อนข้างจำกัด ฉะนั้น อาจต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวก่อน  

'ธุรกิจศูนย์อาหาร' ในปี 2560 มีอัตราการเติบโตสูงมาก โดยมีกำไรขั้นต้นจาก 20% ขึ้นมาเป็น 24% ซึ่งศูนย์อาหารที่โตมาก เพราะว่าหลังจากเปิด 'โครงการ Bangkok Skyline' ตอนนี้มีคนใช้บริการราว 60,000 คนต่อวัน ถือว่าบริษัทได้ประโยชน์อย่างชัดเจนเนื่องจากในอดีต 12 ปีที่ผ่านมา มีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเฉลี่ย 3-5% ต่อปี แต่ปีที่แล้วมีเปิด Bangkok Skyline มีคนเข้ามาใช้บริการเติบโต 'ถึง13-14%'

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น ธุรกิจศูนย์ค้าส่งภายใต้ชื่อ เดอะ แพลตินัม แฟชั่นมอลล์ อยู่ที่ราว 70% , ธุรกิจโรงแรม Novotel Platinum ประมาณ 20% และอีก 10% มาจากธุรกิจศูนย์อาหาร แต่ใน 5 ปีข้างหน้า คาดว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็นศูนย์การคล้า 60% โรงแรม 35% และศูนย์อาหาร 5% 

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมลงทุนสร้างอาคาร 3 ชั้น บริเวณด้านหลัง เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ โซน 1 ขนาดพื้นที่รวม 1,170 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน ห้องประชุม ห้องสันทนาการ รวมทั้งยังจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคลังสินค้า Logistic รองรับการเติบโตร้านค้าขายส่งพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2561 และยังมีแผนปรับภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้นักชอปได้ผ่อนคลายที่ศูนย์การค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ อีกด้วย  

เขา บอกว่า สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2561 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,059 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการปรับขึ้นค่าเช่าศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ เฉลี่ย 4-5%และมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มอีก 2.8 หมื่นตารางเมตร จากปรับปรุงพื้นที่ และรับรู้รายได้เต็มปีจากตลาดนัด นีออน ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ 100 ล้านบาท และเริ่มรับรู้รายได้โครงการศูนย์การค้า The Market เป็นเวลา 1เดือน ที่คาดว่าจะเปิดไตรมาส 4 นี้ 

ทั้งนี้ ตั้งเป้ารายได้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ในช่วง 5 ปี (61-65) อยู่ที่ 20% และ CAGR ของกำไรสุทธิอยู่ที่ 55% เนื่องจาก การปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยปีละ 4-5% และมีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นปี 2561 อยู่ที่ 6.09 หมื่นตารางเมตร และทยอยเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 แสนตารางเมตร ในปี 2565 จากโครงการเดอะมาร์เก็ต เปิดพื้นที่ ขณะที่โรงแรมมีห้องพักเพิ่มเป็น 1,570 ห้อง หลังเปิดให้บริการครบ 5 แห่ง จากปีที่แล้วที่เปิดให้บริการ 1 แห่ง มีจำนวนห้องพัก 288 ห้อง  

ขณะที่ ไตรมาส 1 ปี 2561 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำ 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการปรับค่าเช่าศูนย์การค้าเดอะแพลทตินัม แฟชั่นมอลล์ และอัตราการเช่าของตลาดนัดนีออนเพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจโรงแรมมียอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นทำให้คาดอัตราเข้าพักอยู่ที่ 95% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน

'ปีหน้ารายได้โครงการศูนย์การค้า The Market คาดว่าจะทำให้รายได้เติบโต 30% ยังไม่รวมในส่วนของธุรกิจโรงแรม ,ศูนย์อาหาร'  

สำหรับภาพรวมธุรกิจค้าปลีก เขาบอกว่า ยังเติบโตต่อไปได้หากมีสินค้าใหม่และโดดเด่นออกมาในตลาดอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศชะลอตัว แต่ในแง่ของผลประกอบการของ PLAT เติบโตต่อเนื่องทุกปี 

ขณะที่ธุรกิจค้าส่งนั้น เชื่อว่าช่องทางการจำหน่ายสินค้าสะดวกขึ้น ประกอบกับที่ยังมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ตลอดเวลาธุรกิจค้าส่งก็ยังอยู่ได้ ซึ่งปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายต้องรวดเร็วและสะดวกตลาดยิ่งเติบโต สะท้อนผ่านในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการโลจิสติกส์มีการเติบโตระดับสูงมาก หลังจากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปและมีความต้องการสินค้าแบบรวดเร็ว 

ท้ายสุด 'ชาญชัย' ทิ้งท้ายไว้ว่า ตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรหลายราย เพื่อที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ขนาดใกล้เคียงกับศูนย์การค้าแพลทินัม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของโครงการได้ ซึ่งไม่ได้เร่งรีบลงทุน แต่ใช้ความระมัดระวังมาก เพราะว่าการแข่งขันสูง ดังนั้น ต้องพิจารณาโลเคชั่นและความคุ้มค่าในการลงทุนอย่างรอบคอบก่อน