MORNING CALL ACTION NOTES (13 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (13 มี.ค.61)

การปรับขึ้นถูกจำกัด

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ตอบรับต่อตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่มีกว่าคาด และราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง โดยกลุ่ม ENERG COM COMMUN หนุนหลัก ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,800.32 จุด (+24.95 จุด) Volume 6.41 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +631.86 ลบ.  TFEX Net +5,849 สัญญา ตราสารหนี้ -73.88 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

-Dow Jones กลับมาถูกกดันจากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า จากการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมีเนียม  และตัวเลข ศก.ที่ออกมาดีกว่าคาดอาจหนุนให้ FED มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด หลังบวกระยะสั้นวานนี้

-ราคาน้ำมันดิบกลับมาอ่อนตัวเล็กน้อยราว 1% หลังจากผู้ประกอบการ Shale oil ในอ่าว Permian อาจเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 8 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และท่าเรือ Corpus Christi (ท่าเรือในรัฐเท็กซัสที่ส่งออกน้ำมันหลักจากอ่าว Permain) ยังมีการขยายท่าเรือเพื่อรองรับเรือที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม เพื่อสนับสนุนการส่งออกน้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้นจากประเด็นดังกล่าว 

-เฟดนิวยอร์กเผยผลสำรวจชี้ตัวเลขคาดการณ์ ตัวเลขเฉลี่ยคาดการณ์เงินเฟ้อล่วงหน้า 1 ปีและตัวเลขเฉลี่ยคาดการณ์เงินเฟ้อล่วงหน้า 3 เดือนพุ่งขึ้น

-FedWatch ระบุว่านลท.คาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนนี้ ครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยสู่ 31.28 บาท/USD

**13 มี.ค. สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับลดลง  และราคาน้ำมันที่ปรับลงจากความกังวลเรื่อง Supply  โดยมีปัจจัยหนุนจาก Fund Flow แม้ยังผันผวนแต่ซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกัน  ดังนั้น คาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,789-1,810 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- CPF GFPT จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองและนักท่องเที่ยวจีน

- TVO ราคากากถั่วเหลือง +18.2%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 9.4%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง 

- หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH PDI

- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.28 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,915 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)

หุ้นแนะนำพิเศษ

ERW (ราคาปิด 8.05  ราคาเหมาะสม 8.50 ทยอยสะสม Bloomberg Consensus 9.60)

  • สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 2M61 มีนักท่องเที่ยว 7.11 ล้านคน +94%YoY เฉพาะเดือนก.พ. 61 +19.29% เนื่องจากตรงกับเทศกาลตรุษจีน จำนวนนักท่องเที่ยวมากสุด 3 อันดับได้แก่ จีน มาเลเซีย และรัฐเซีย และวานนี้ที่ประชุมบอร์ดท่องเที่ยวเพิ่ม 6 คลัสเตอร์ท่องเที่ยว จากเดิม 9 เขตเพื่อให้ครอบคลุมเกือบครบทั้งประเทศ เป็นปัจจัยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจโรงแรม ปัจจุบัน ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทย 97% และในฟิลิปปินส์ 3% ซึ่งมีสัดส่วนจากลูกค้าไทยมากที่สุดที่ 16% และรองลงมาคือลูกค้าจีน 14%
  • EBIT margin ปี 60 ปรับดีขึ้นสู่ 17.9% จาก 15.7% ในปี 59 และมีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่องในปีนี้จากการปรับเพิ่มค่าห้องพักและอัตราเข้าพักที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หนุนผลประกอบการปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 597 ล้านบาทเติบโต 18%YoY
  • ราคาหุ้นเป็น laggard เมื่อเทียบกับกลุ่ม -5%YTD เมื่อเทียบกับกลุ่ม
    +4.5%YTD ขณะที่ราคาหุ้นคิดเป็น PER 40 เท่าสูงกว่า PER กลุ่มที่ระดับ 28 เท่า

หุ้นมีข่าว   

·        (+) LIT (ราคาปิด 9.30 ซื้อ ราคาเหมาะสม 15.40)ได้ปล่อยสินเชื่อในโครงการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดพร้อมสายพานลำเลียงสัมภาระห้องควบคุมและอุปกรณ์ในท่าอากาศยาน จ.อุบลราชธานี มูลค่าสัญญา 148  ล้านบาท และท่าอากาศยาน จ.สกลนคร มูลค่าสัญญา 80 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 300 วัน รวมมูลค่า 2 สัญญากว่า 228 ล้านบาท โดยจะให้สินเชื่อเป็นงวด ๆ ตามการชำระเงินของสัญญากับหน่วยงาน พร้อมรองรับการรับซื้อหนี้ทางการค้า (Factoring) เป็นวงเงินกว่า 205  ล้านบาท

·        ความเห็น รายได้มีศักยภาพเติบโดสูงตามแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ลูกค้าของบริษัทมักเป็นผู้ประกอบการ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่   ฝ่ายวิจัยคาดรายได้รวมปี 61 เติบโต ราว 22% เป็น 509 ล้านบาท และคาดการณ์กำไรราว 189 ล้านบาท เติบโต 30%YoY

·        (+) ORI (ราคาปิด 17.10 ซื้อเก็งกำไร Bloomberg Consensus 24.10) ลุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE Small Cap ในวันศุกร์ที่ 16 มีนาคมนี้ หวังดึงดูดความสนใจนักลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมเดินสายโรดโชว์ ขณะที่ตุน Backlog ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ซุ่มศึกษาซื้อออฟฟิศสำเร็จรูป ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตรายได้ค่าเช่า (ที่มา ทันหุ้น)

·        ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากควบรวมกิจการ การมีพันธมิตรร่วมทุน และแผนลงทุนในโครงการที่สร้างรายได้ประจำทั้งในกทม.และพื้นที่ EEC  ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 61 ราว 1.5 หมื่นลบ. +67% มีbacklog รองรับ 80%  ปีนี้จะมีโครงการที่แล้วเสร็จมูลค่ารวม 1.96 หมื่นลบ. +49%  ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 2.7 พันล้านบาท +35% ลดลงจากที่เติบโต 217% เป็น 2 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา  ราคาหุ้นปรับลง 19% จาก 2 เดือนก่อนหน้าจากความกังวลเรื่องอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่มีแนวโน้มลดลงจากในอดีตที่เคยทำได้เกิน 40% จากการโอนคอนโดฯ Park 24 เฟส 1-2 ที่มีมาร์จิ้นต่ำ แนะนำซื้อเก็งกำไร

·        ADVANC (ราคาปิด 208 บาท Bloomberg Consensus 214 บาท) ผู้บริหารเปิดเผยว่าในปี 61 เน้นเร่งดำเนินการในธุรกิจ 3 ด้านหลัก คือ Mobile Infrastructure ,Fix Broadband และ Application and Content Platform ส่วนคลื่นความถี่ยังมองว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญและจำเป็นจะต้องบริหารจัดการให้บริษัทมีทรัพยากรที่เพียงพอที่จะรองรับงานบริการด้านต่างๆ ส่วนนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทคือการจ่ายขั้นต่ำ 70% ของกำไรสุทธิ (ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)

·        การจ่ายปันผลขั้นต่ำของ ADVANC ที่ 70% ซึ่งเริ่มปรับใช้ในปี 60 ที่ผ่านมา เกิดจากความต้องการในการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเตรียมตัวชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตคลื่น 900 Mhz งวดสุดท้าย ราว 6 หมื่นล้านบาท (ราว 80% ของมูลค่าทั้งหมด) เนื่องจากนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับลดงบลงทุนจากปีละ 4 - 5 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 3.5 - 3.8 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมใบอนุญาต) โดยแม้ปัจจุบันบริษัทมีโอกาสได้รับขยายระยะเวลาการชำระค่าใบอนุญาต (ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาจากรัฐบาลหลังจากการส่งหนังสือตอบกลับจาก กสทช.) ออกไปเป็น 3 - 5 ปี แต่ด้วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในกรอบ 6 - 6.5 หมื่นล้านบาท อาจยังเป็นกรอบที่จำกัดให้ ADVANC ยังคงจ่ายปันผลอยู่ในระดับ 70% แต่โดยรวมยังเป็นผู้ประกอบการที่มีความแข็งแกร่งทั้งคลื่นในมือ และผลการดำเนินงานมากสุด แนะนำ "ซื้อลงทุน"

·        (+) SMIT ปักธงรายได้ 5 ปี (61-65) มีรายได้แตะ 3 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ที่ 2.4 พันล้านบาท เติบโต 10-15% ขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มผลิตภัณฑ์สินค้า พร้อมใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท ขยายโรงงาน-ซื้อเตา เดินหน้าขอใบรับรอง NADCAP ชุบชิ้นส่วนเครื่องบิน คาดให้มาร์จิ้นสูง (ที่มา ทันหุ้น)

·        (+) SGP ลงนาม MOU กับกฟผ.อินเตอร์ฯ-โกลบอล ปิโตรฯ ศึกษาความเป็นไปได้จัดหา LNG ป้อนโรงไฟฟ้าในไทย (ที่มา SET news)