ทีเอ็มบีคาดสินเชื่อโต8-10% เร่งปล่อยกู้เอสเอ็มอี-เงินฝากโต10-12%

ทีเอ็มบีคาดสินเชื่อโต8-10% เร่งปล่อยกู้เอสเอ็มอี-เงินฝากโต10-12%

แบงก์ทหารไทย วางเป้าปี 2561 สินเชื่อโต 8-10% เร่งปล่อยเงินกู้เอสเอ็มอี-เงินฝากโต10-12% ส่วนของอัตราดอกเบี้ยปีนี้จะรักษาให้อยู่ในระดับ 3.05-3.15%

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมปี 61 เติบโต 8-10% โดยเป็นการเติบโตตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่ได้รับปัจจัยหนุนหลักมาจากกาเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อแต่ละประเภทแบ่งเป็น สินเชื่อลูกค้าธุรกิจ ประกอบด้วย สินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ ตั้งเป้าเติบโต 10% และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ตั้งเป้าเติบโต 6-8%

ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีธนาคารตั้งเป้าเติบโต 10-12% ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อที่ธนาคารจะเน้นให้มีการเติบโตมากขึ้น หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงทำให้ธนาคารไม่เร่งการขยายตัวในสินเชื่อกลุ่มดังกล่าว ด้านสินเชื่อรายย่อยธนาคารตั้งเป้าเติบโต 10% โดยสินเชื่อบ้านยังขยายตัวได้ดีอยู่ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสินเชื่อดังกล่าวจะมีการเติบโตเป็นอย่างมาก

สำหรับแผนธุรกิจประเภทอื่นๆ เช่น เงินฝากในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10-12% จากปีก่อนที่ 2.1% และในส่วนของอัตราดอกเบี้ย (NIM) ปีนี้จะรักษาให้อยู่ในระดับ 3.05-3.15% จากปีก่อนที่ 3.13% ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15-20%

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ธนาคารจะควบคุมให้อยู่ในระดับ 2.3-2.5% จากปีก่อนที่ 2.35% โดยคุณภาพหนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นมาตั้งแต่สิ้นปีก่อน ซึ่งธนาคารเห็นสัญญาณ NPL ทรงตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 3/60 และในไตรมาส 4/60 ก็เริ่มมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ในปีนี้จะรักษาให้อยู่ในกรอบ 140-150% จากปีก่อนที่อยู่ 143% ในขณะที่ credit cost ปีนี้คาดอยู่ในกรอบ 135-145 bps จากปีก่อน 139 bps

"การตั้งสำรองฯจะลดลงเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็น แต่หากคิดเป็นเม็ดเงินคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ธนาคารตั้งสำรองประมาณ 9 พันล้านบาท เนื่องจากธนาคารมีสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อ ซึ่งทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองฯตามไปด้วย โดยการตั้งสำรองไม่ได้มาจาก NPL ที่เพิ่มขึ้น แต่ธนาคารต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับเงินกองทุน"นายปิติ กล่าว

ด้านจำนวนสาขาในปี 61 คาดจะอยู่ที่ 430 สาขา ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปัจจุบัน จากเมื่อ 10 ปีก่อนมีอยู่ 500 สาขา โดยธนาคารไม่มีนโยบายปิดสาขาเพียงแต่ปรับเปลี่ยนสาขาให้มีความเหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในอนาคตประเมินว่า 400 สาขาจะเป็นระดับที่เหมาะสมกับจำนวนลูกค้าที่จะเติบโต และช่องทางดิจิทัล

ส่วนความคืบหน้าของ Banking agent นั้น ธนาคารมีความสนใจที่จะร่วมมือกับร้านสะดวกซื้อในการวางระบบ ซึ่งปัจจุบันธนาคารกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ตรวจสอบอัตลักษณ์หรือการพิสูจน์ตัวตนเพื่อต้องการขยายการบริการถอนเงินสด จากเดิมที่มีแต่รับฝากเงินเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย และธนาคารออมสินมาแล้ว

"เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาซึ่งไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้อย่างแน่ชัดว่าจะเห็นเมื่อไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งความปลอดภัยและต้นทุน"นายปิติ กล่าว

สำหรับกระแสข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องถึงการขายหุ้น TMB ของกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นอยู่ 25% หรือ ING ที่ถือหุ้น 25% โดยส่วนตัวไม่ทราบถึงข่าวดังกล่าว และที่ผ่านมาธนาคารก็ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังมาโดยตลอด ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการทำผลงานให้ออกมาดีเพื่อสะท้อนไปยังผลประกอบการของธนาคาร

นอกจากนี้ ธนาคารได้ประกาศจ่ายปันผลในอัตรา 0.06 บาท/หุ้น ในวันที่ 9 พ.ค. 61 โดยจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งการจ่ายปันผลในอัตราดังกล่าวถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม โดยเชื่อว่าผู้ถือหุ้นจะพอใจ เพราะธนาคารจะต้องเติบโตไปอีกในอนาคต