รวบผู้ต้องหาหลอกประมูลทอง เสียหาย100ล้าน

รวบผู้ต้องหาหลอกประมูลทอง เสียหาย100ล้าน

สาวสุดแสบ! รวบสาวเมืองย่าโม เปิดเฟซบุ๊กหลอกประมูลขายทองคำราคาถูก มีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก เสียหายกว่า 100 ล้าน


เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.60 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พลตำรวจโท สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนางสาวพัชญาภา หรือ แจง คงสาย อายุ 29 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 142 หมูที่ 4 ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.478/2560 ในข้อหา ฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.497/2560 ข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Huawai สีทอง จำนวน 2 เครื่อง , บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 5 ใบ และสมุดเงินฝากธนาคาร จำนวน 2 เล่ม ภายหลังจากมีผู้เสียหายนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ โดยการแถลงผลการจับกุม มีผู้ผู้เสียหาย จำนวน 4 คน เดินทางมาร่วมฟังการแถลงการจับกุมด้วย

พลตำรวจโท สุรชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้เปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “พัชญาภา คงสาย” และในช่วงปี 2560 ได้เริ่มโพสต์โฆษณาเชิญชวนให้ร่วมประมูลทองคำหลายรายการ ทั้งทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณ โดยเริ่มเปิดประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดเกือบครึ่งราคา โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่ประมูลได้ ต้องโอนเงินชำระค่าทองคำผ่านทางบัญชีธนาคารเข้ามาให้ก่อนจึงจะมีการส่งมอบทองคำที่ประมูลได้ให้ในภายหลัง ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก

โดยในช่วงแรกนางสาวพัชญาภา ผู้ต้องหา ได้ส่งมอบทองคำให้กับผู้ที่ประมูลได้จริงและทองคำที่ส่งให้ก็เป็นทองจริง ทำให้ผู้ที่ร่วมประมูลได้นำทองมาขายต่อเพื่อเก็งกำไรได้มากกว่าราคาที่ซื้อไป ต่อมาจึงได้มีการประมูลเพิ่มจำนวนเงินในการสั่งซื้อทองคำมากขึ้น โดยมีผู้เสียหายโอนเงินค่าสั่งซื้อเข้าบัญชีของนางสาวพัชญาภา เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับทองคำตามจำนวนที่สั่งซื้อ ก่อนที่นางสาวพัชญาภา จะปิดเฟซบุ๊ดและขาดการติดต่อไป

เมื่อผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกลวง จึงร่วมกันเดินทางเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน และเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค4 ให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ตำรวจจึงทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การอนุมัติหมายจับ ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องรายนี้ได้ที่ อ.เกาะข่า จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสามีของผู้ต้องหา

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อกระจายอยู่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ราย จากการสืบสวนมีความเป็นไปได้ว่า กรณีนี้มีการทำเป็นขบวนการแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อขยายผลการจับกุมหาตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค4 ให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในคดีนี้เข้ามาให้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป