BAY เผยปีนี้เงินบาทแข็งค่า10%อันดับ2ของเอเชีย

BAY เผยปีนี้เงินบาทแข็งค่า10%อันดับ2ของเอเชีย

"ธนาคารกรุงศรีฯ" เผยปีนี้เงินบาทแข็งค่าแล้วกว่า 10% เป็นอันดับสองของเอเชีย รองจากเงินวอนของเกาหลีใต้

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY มีความเห็นต่อผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีมติ 7 ต่อ 2 เสียงให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed funds 0.25% สู่ช่วง1.25-1.50% หลังการประชุม FOMC วันที่ 12-13 ธันวาคม 2560 โดยเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สามของปี และเป็นครั้งที่ห้าของวัฏจักรการปรับสมดุลนโยบายการเงินซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ขณะที่เฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มสดใสขึ้น สะท้อนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ เฟดคงประมาณการว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสามครั้งทั้งในปี 2561 และปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายแตะระดับ 2.8% การแถลงข่าวรอบล่าสุดนับเป็นครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด โดยนางเยลเลนจะเข้าร่วมประชุม FOMC ครั้งถัดไปวันที่ 30-31 มกราคม 2561 เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดวาระและนายเจอโรม พาวเวลล์ จะเข้ารับตำแหน่งต่อไป

ในช่วงเปิดการซื้อขายในประเทศเช้านี้ เงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 32.53 ต่อดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงระดับแข็งค่าสุดในรอบ 32 เดือน เทียบกับ 32.58 ต่อดอลลาร์ช่วงท้ายตลาดวานนี้ ในปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 10.0% ซึ่งแข็งค่าเป็นอันดับสองของเอเชีย รองจากเงินวอนเกาหลีใต้ ด้วยปัจจัยหนุนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่องและกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ของไทย ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง หลังเฟดเปิดเผยแถลงการณ์ซึ่งส่งผลให้มีแรงขายเงินดอลลาร์เทียบกับทุกสกุลเงินหลักและหนุนราคาทองคำในตลาดโลกขึ้น ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปน่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2561

ท่าทีล่าสุดของเฟดตอกย้ำว่า เฟดจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโต แต่สัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อกลับอ่อนแอเกินคาด ทำให้เราประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียงสองครั้งในปี 2561 นอกจากนี้ การลงมติด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันฑ์ถือว่ามีนัยสำคัญ หลังกรรมการสองรายสนับสนุนให้เฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ท่าทีเช่นนี้จะเพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของค่าเงินดอลลาร์ต่อไป ส่วนปัจจัยชี้นำสำคัญถัดไปสำหรับตลาดการเงินโลกในระยะสั้น ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ช่วงค่ำของวันนี้