'สมคิด'ปลื้มไทยเลื่อนขึ้น 20 อันดับความยากง่ายทำธุรกิจ

'สมคิด'ปลื้มไทยเลื่อนขึ้น 20 อันดับความยากง่ายทำธุรกิจ

"สมคิด" ปลื้มผลจัดอันดับ Doing Business ของธนาคารโลก หลังไทยเลื่อนดีขึ้น 20 อันดับ มาอยู่ที่ 26 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่อันดับ 46 ชี้ปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม Doing Business ว่า คะแนนอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ จัดทำโดยธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่ออกมาในปีนี้ถือว่าน่าดีใจ โดยอันดับที่เพิ่มขึ้นมา 20 ตำแหน่ง อยู่ในอันดับที่ 26 ถือว่าไม่ธรรมดา อันดับดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และมีการแข่งขันสูงมาก โดยประเทศอินโดนีเซียขยับอันดับเร็วมากขึ้นมา 19 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 72 จาก 91 ส่วนเวียดนามมีอันดับที่ดีขึ้น 14 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 68 จาก 82 ดังนั้น แม้อันดับไทยจะดีขึ้นปีนี้ แต่ยังตามหลังมาเลเซียอยู่ 2 อันดับ มาเลเซียอยู่ที่ 24 ดังนั้นไทยคงอยู่นิ่งไม่ได้ และบอกคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) ไปแล้วว่า อันดับปีหน้าต้องไม่ตก และในปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้

"อันดับที่ดีขึ้นไม่ใช่แค่นักลงทุนต่างชาติได้ประโยชน์ ชาวบ้านทั่วไปได้ประโยชน์ในการใช้บริการภาครัฐง่ายขึ้น เช่น การขอติดตั้งไฟ โดยสิ่งที่เห็นผลทำให้มั่นใจว่า การปฏิรูปเริ่มเห็นผลแล้ว งานนี้ต้องขอบคุณนายกฯ ที่เอาจริง และใช้ม.44 มาช่วย ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันมา 2 ปีเต็ม โดยในปีหน้าตัวไหนที่ยังไม่ดีต้องเข้าไปดูและไปเร่งจัดทำกฎหมายที่ยังค้างๆ อยู่ มั่นใจว่าปีหน้าโอกาสอันดับจะดีขึ้นมากกว่าปีนี้" นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า กำชับไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ให้เชื่อมโยงอันดับเวิลด์แบงก์กับอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ จัดโดย สภาเศรษฐกิจโลกหรือ เวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum) ที่ผ่านไทยไทยดีขึ้น 4 อันดับ โดยการจัดอันดับดังกล่าวมี 12 เสาหลัก ดังนั้น ควรเอาจริงกับทุกเสาหลัก และเชิญเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรั่ม มาไทยเพื่อให้เขารับรู้ว่าไทยกำลังทำอะไร เป็นการช่วยบอกเล่าความสามารถแข่งขันของประเทศให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งสศช.ต้องไปเตรียมการสำหรับการจัดอันดับในปี 2561 ซึ่งเชื่อว่า อันดับของไทยจะดีขึ้น

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) กล่าวว่า อันดับDoing Business ดีขึ้น ไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงสุด ขณะนี้บรูไนติดตามขอเข้ามาดูงานที่ไทย โดยในปีนี้กำลังพิจารณาว่าจะมีการจ้างเวิลด์แบงก์ มาเป็นที่ปรึกษาเหมือนปีที่ผ่านมาหรือไม่ โดยการว่างจ้างต้องใช้งบประมาณปีละกว่า 10 ล้านบาท

นายทศพร กล่าวว่า ในปี 2561 วางแผนที่จะปรับปรุงการบริการอีกหลายเรื่อง เช่น การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนธุรกิจเป็นอัตราคงที่ และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันทางธุรกิจ การขยายฐานการชำระเงินสบทบผ่านระบบอีเพย์เมนท์ ของสำนักงานประกันสังคม การเพิ่มประสิทธิภาพการยื่นแบบและชำระภาษีให้สารรถรองรับการยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรอบบัญชีปี 2561 ของกรมสรรพากร การขยายระบบ e-Filing ของสำนักงานศาลยุติธรรม