‘อาร์เอส’ชูธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ดันรายได้‘เท่าตัว’

‘อาร์เอส’ชูธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ดันรายได้‘เท่าตัว’

นับตั้งแต่เป็นหนึ่งในผู้ชนะประมูล“ทีวีดิจิทัล”ปลายปี 2556  “อาร์เอส”ประกาศกลยุทธ์บริหารธุรกิจชัดเจนว่าต้อง“กำไร”ตั้งแต่เริ่มต้น  

ตลอดช่วง 3 ปีในการบริหารทีวีดิจิทัล “ช่อง8” ผลประกอบการอาร์เอสทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย  คือกำไรมาอย่างต่อเนื่องจากปี 2557 เว้นเพียงปีก่อน ที่อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาชะลอตัวในไตรมาสสุดท้าย   

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการตัดสินใจประมูลและเป็นเจ้าของทีวีดิจิทัลในปี 2556 ได้มองโอกาสการลงทุนธุรกิจ “สื่อ”ที่มีศักยภาพและสร้างมูลค่าหลายมิติ ไม่ใช่เพียงกิจการโทรทัศน์เท่านั้น

โดยใช้เวลา 3 ปีนับจากปี 2557 เพื่อสร้างฐานธุรกิจทีวีให้แข็งแกร่งทั้ง“เรทติ้งและรายได้” พร้อมสร้างโอกาสต่อยอดและแตกธุรกิจใหม่

“สภาพแวดล้อมของสื่อทีวีในยุคทีวีดิจิทัล ไม่เหมือนเดิม ซัพพลาย(จำนวนช่องและเวลาโฆษณา)เพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ดีมานด์เท่าเดิม  อีกทั้งผู้ลงโฆษณาเลือกใช้งบประมาณไม่เกิน 5 ช่องแรกที่มีเรทติ้งสูงสุด"  

แตกธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ 

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในธุรกิจทีวีดิจิทัล จากจำนวนช่องฟรีทีวีเพิ่มขึ้น “4เท่าตัว” จากยุคอนาล็อก ผนวกกับการเกิดขึ้นของ “นิว มีเดีย” ทำให้ผู้ใช้งบโฆษณามีทางเลือกใช้สื่อ ขณะที่พื้นที่โฆษณาฟรีทีวี“ล้น” และเวลาโฆษณาไม่มีวันเต็มได้เหมือนยุคอนาล็อกอีกต่อไป แม้จะครองเรทติ้งในกลุ่มผู้นำก็ตาม

“อาร์เอส เห็นศักยภาพการใช้พื้นที่สื่อทีวี ในกลุ่มเรทติ้งผู้นำของช่อง8 ที่สามารถต่อยอดธุรกิจอื่นได้ นอกเหนือจากนำพื้นที่ว่างไปใช้โปรโมทรายการทีวี จึงวางแผนพัฒนาธุรกิจใหม่ในกลุ่มเฮลธ์แอนด์บิวตี้ โดยใช้สื่อทีวีเป็นช่องทางสนับสนุน”

ปี2558 จึงเปิดตัว บริษัทไลฟ์สตาร์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจสุขภาพและความงาม (เฮลธ์แอนด์บิวตี้)  เพราะเห็นโอกาสสร้างรายได้และเติบโตจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและความงาม ที่มีมูลค่า “หลายแสนล้านบาท” ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจที่เติบโตทั่วโลก 

“เราเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปีและมีแนวโน้มเติบโต ขณะที่โฆษณาสื่อทีวีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท เค้กไม่ได้ใหญ่ขึ้นและผู้ลงโฆษณา มีตัวเลือกใช้เงินผ่านสื่อออนไลน์”

ไลฟ์สตาร์“พุ่ง”500%

สุรชัย กล่าวว่าการก้าวสู่ปีที่ 3 ของ ไลฟ์สตาร์ เริ่มเห็นการเติบโตและรายได้ชัดเจน จากผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์หลัก คือ  "มาจีค“ กลุ่มสกินแคร์, "รีไวฟ์"กลุ่มดูแลเส้นผม และแบรนด์ S.O.M ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม  จากปี 2558 ทำรายได้ 230 ล้านบาท ปี2559 อยู่ที่ 220 ล้านบาท  เนื่องจากภาพรวมธุรกิจชะลอตัวในช่วงไว้อาลัยไตรมาส4  

ขณะที่ครึ่งปีแรก 2560 อุตสาหกรรมสื่อโฆษณายังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ธุรกิจสุขภาพและความงามเป็น "ดาวเด่น" ทำยอดขายสวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจ โดยครึ่งปีแรกทำยอดขาย 500 ล้านบาท สูงกว่ารายได้ทั้งปี 2559  

ช่วงต้นปีวางเป้าหมายรายได้ไลฟ์สตาร์ไว้ที่ 440 ล้านบาท  แต่หลังจากยอดขายทำ “นิว ไฮ” ต่อเนื่องทุกเดือน จาก 150 ล้านบามเดือนส.ค. เพิ่มเป็น 180 ล้านบาท เดือน ก.ย. ปี2560 จึงปรับประมาณการรายได้ใหม่เป็น 1,200 ล้านบาท  หรือโตจากปีก่อนกว่า 500% 

ปั้นธุรกิจโฮม-เทเลชอปปิง

นอกจากธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้“ไลฟ์สตาร์” ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (เอสเคยู) เพิ่มขึ้นวางเป้าหมายไตรมาสแรกรวม 13-15 รายการ เพื่อสร้าง“โปรดักท์ แชมเปี้ยน” เช่นเดียว กับ  ไทม์ แคปซูล, รีไวฟ์ และมาจีค ที่สามารถทำยอดขายได้เดือนละ 30-50 ล้านบาทต่อผลิตภัณฑ์ 

ปัจจุบันได้พัฒนาธุรกิจ “โฮม-เทเลชอปปิง” ด้วยแบรนด์ “ช็อป 1781” ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 5 แสนราย และเป็นกลุ่มแอคทีฟถึง 4 แสนราย  และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากฐานผู้ช่อง8 ขยายตัว 

จากจุดแข็งดังกล่าวจึงเปิดรับพันธมิตรธุรกิจใหม่ ที่สนใจนำสินค้าสุขภาพและความงามทำตลาดผ่านช่องทางเทเลชอปปิง ขณะนี้มีพันธมิตรทางธุรกิจ 3 ผลิตภัณฑ์คือ อาหารเสริมโดนัทท์ คอลลาเจนไตรเปปไทด์, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลินจือพลัสชิตาเกะ, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสมอง มาย ไบรนี่ 

การทำงานร่วมกับพันธมิตรจะดูแล ทั้งการโฆษณาผ่านสื่อทีวีของอาร์เอสทั้ง  5 ช่อง ได้แก่ ช่อง 8, ช่อง 2, สบายดีทีวี, ยูแชนแนล และเพลินทีวี, การทำตลาด, การขาย, ชำระเงินและส่งสินค้า โดยแบ่งรายได้จากกำไรขั้นต้นของสินค้าที่มาร่วมทำตลาด 

ปี61รายได้โต“เท่าตัว”

ทิศทางของธุรกิจสุขภาพและความงามปัจจุบันเป็น 2 ส่วน คือธุรกิจไลฟ์สตาร์ ที่จะพัฒนาโปรดักท์ ช่องทางการขายใหม่  เช่นการจำหน่ายผ่านร้านวัตสัน, อีฟแอนบอยด์ และท็อปส์ มาร์เก็ต และการทำตลาดให้กับแบรนด์พันธมิตรทางธุรกิจ

ปี 2561 ธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ทั้ง 2 ส่วน โดยอาร์เอสวางเป้าหมายรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” หรือมีรายได้กว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้น 70-75% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า เฉลี่ยกำไรสุทธิ 35%

ปีนี้อาร์เอส วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เป็นปีแรกที่ธุรกิจสื่อและเฮลธ์แอนด์บิวตี้จะมีสัดส่วนเท่ากัน ขณะที่ปีหน้ารายได้กลุ่มสุขภาพและความงามยังเติบโตในอัตราเท่าตัว ขณะที่กลุ่มสื่ออยู่ที่ระดับ 30% จากเรทติ้งช่อง 8 ที่มีฐานผู้ชมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคนต่อนาที เป้าหมายเป็น 6 แสนคนต่อนาทีในปีหน้า

ย้ายหุ้นอาร์เอสกลุ่มพาณิชย์ 

สุรชัย กล่าวว่าปีหน้า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงรายได้หลักของอาร์เอส ที่จะมาจากกลุ่มเฮลธ์แอนด์บิวตี้และโฮม เทเลชอปปิง กว่า 50% ,กลุ่มสื่อ 40%  และที่เหลือมาจากธุรกิจเพลง

ดังนั้นปีหน้า หุ้นอาร์เอส จะย้ายไปซื้อขายในกลุ่มพาณิชย์ (คอมเมอร์เชียล) จากปัจจุบันซื้อขายในกลุ่มสื่อ  ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากรายได้เกิน 50% มาจากธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ การย้ายกลุ่มดังกล่าวทำให้นักลงทุนและกองทุน ไม่ต้องกังวลกับธุรกิจสื่อ ที่ยังไม่สดใสในช่วงนี้ 

“ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อาร์เอส ใช้ฐานธุรกิจทีวีดิจิทัล ไม่เพียงการต่อยอด แต่ได้นำมาสร้างธุรกิจใหม่ ในกลุ่มสุขภาพและความงามที่มีมาร์จิ้นสูง  ทั้งยังเป็นบริษัทที่มีรายได้จากหลายธุรกิจ ปีหน้าวางแผนเปิดตัวอีก 2 ธุรกิจใหม่ ที่ใช้ฐานธุรกิจเดิมต่อยอด”