MORNING CALL ACTION NOTES (1 ก.ย.60)

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อกลุ่มพลังงานหลังค่าการกลั่นพุ่งขึ้น รวมถึงหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ FTSE Global Equity รอบใหม่ หนุนให้ SET ปิดที่ 1,616.16 จุด (+2.82 จุด) Vol. 5.3 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +1,858 ลบ.  TFEX Net -2,392 สัญญา ตราสารหนี้ +14,096 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ  ปรับตัวขึ้นหลังรมต.คลังสหรัฐส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ภายในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ +0.3% (น้อยกว่าคาด) จึงคาดว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 47 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.4 ล้านบาร์เรล (มากกว่าที่คาดไว้จะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล)

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตอบรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยูโรโซนในเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5%

+ ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยเดือนก.ค.เติบโตต่อเนื่องตามการส่งออกฟื้นตัว ลงทุนเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐดีขึ้น แม้การบริโภคยังชะลอ

+/- Foreign เป็น Net Buy 3 วันราว 7.4 พันลบ. แต่ตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. เป็น Net Sell 4.2 พันลบ. และเป็น Net Short TFEX 3 วันราว 6.8 หมื่นสัญญา

** วันนี้ติดตามการประมูลรถไฟทางคู่ (มาบกะเบา-จิระ) 1.5 หมื่นลบ.

** ตลาดหุ้นมาเลเซีย สิงคโปร์ ปิดทำการเทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัดฮา

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ,ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ,เศรษฐกิจไทยเดือนก.ค.ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy 3 วันราว 7.4 พันลบ.  อย่างไรก็ตามภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะกดดันต่อทิศทางในระยะสั้นๆ ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,620 - 1,625 จุดก่อนจะอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน   ซื้อเก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นพุ่งขึ้นล่าสุดราว 8-9 US/Barrel

- BH  EA  WORK ได้เข้าคำนวณ  FTSE Global Equity Index รอบใหม่เริ่มมีผล 15 ก.ย.

- TASCO ราคายางมะตอยจีน +12% MoM ล่าสุด 2,852 Yuan/Ton

- กลุ่มรับเหมา ประมูลรถไฟรางคู่ 3 เส้นทางมูลค่าราว 5.5 หมื่นลบ.ในช่วง 2 สัปดาห์ (1 4 5 และ 7  ก.ย.)

- PDI   ราคาสังกะสีทรงตัวในระดับสูงล่าสุด 3,122 US/Ton

- COM7 SYNEX  SIS กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า

 

หุ้นแนะนำพิเศษ   

CRANE (ราคาปัจจุบัน 3.56 บาท “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 4.20 บาท)

Ø  จากที่ประชุม ผู้บริหารชี้กลยุทธ์เพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ และลดต้นทุนธุรกิจเดิม เป็นประเด็นดังนี้ 1) เข็มเจาะ Backlog ปัจจุบัน 250 ลบ. (สิ้นงวด 2Q60) มีโอกาสเข้ารับงานใหญ่ปี 61 เพราะ Demand ล้นตลาดจากกรอบเวลาจำกัดของ Main Contractorและผู้รับเหมารายเดิมต้องพิจารณางานรองรับการเพิ่มกำลังให้บริการระยะยาว จึงคาดได้งาน 1 ใน 5 เป็นมูลค่า 1 พันลบ. (จากทั้งหมด 4 พันล้านบาท) 2) คงรายได้ธุรกิจให้เช่าและบริการตามเดิมที่ 500 ล้านบาท แต่ลดต้นทุนคงที่โดยการทยอยจำหน่ายรถเครนที่ไม่ได้ปล่อยเช่า 3) มีงานใหม่จากกังหันลมของ Gunkul อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรับงานติดกังหัน 33 จุด มูลค่า 180 ลบ. เริ่มรับรู้เดือน 7 เป็นต้นไป และยังมี Potential อีกกว่า 60 จุด

Ø  ฝ่ายวิจัยคาดว่าการขายเครนในระยะสั้น งานจาก Gunkul และงานเข็มเจาะ จะหนุนกำไร 3Q60 ทำ New High ต่อเนื่อง ขณะที่คาดส่งผลให้ภาพรวมกำไรปี 60 พลิกเป็นกำไรปีแรก 16 ล้านบาท และคาดว่าหากได้งานรับเหมาเข็มเจาะงานใหญ่ดังกล่าว จะหนุนให้กำไรปี 61 เติบโตเป็น 137 ล้านบาท (+850%YoY) ประเมินราคาเหมาะสมแบบ Fully diluted (CRANE-W1) อิง Prospective PER ที่ 25 เท่า (ค่าเฉลี่ยผู้รับเหมาเข็มเจาะ) ได้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 4.20 บาท Upside 18% แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"

หุ้นมีข่าว 

Ø  (+) BANPU และ BPP ประกาศปันผล 0.30 บาทต่อหุ้นพร้อมขึ้น XD วันที่ 12 กันยายนทั้งคู่ โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.1% ต่อปี และ 2.2% ต่อปี(คาดว่า BPP จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งๆ ละ 0.3 บาท)ตามลำดับ

Ø  PDI ปิดดีลซื้อโซลาร์ฟาร์ม 6 แห่ง กำลังผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 1.3 พันล้านบาท คาดบุ๊ครายได้ทันที ส่งผลให้มีโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในภูมิภาคเอเชียรวม 50 เมกะวัตต์

Ø  บอร์ด CHOW ไฟเขียวบริษัทย่อยขายโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 2 โครงการ "Ibaraki -Oita" กำลังการผลิตรวม 4.43 MW เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น มูลค่ากว่า 622 ล้านบาท คาดบุ๊ครายได้ทันทีในไตรมาส 4/60  (ข่าวหุ้น)

Ø  SCC ส่งบ.ย่อยเข้าซื้อหุ้น 75% ในธุรกิจด้าน Offset Printing ในประเทศ มูลค่ากิจการประมาณ 450 ลบ.

Ø  MBK ส่งบ.ย่อยตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ทำธุรกิจบริหารจัดการวัตถุดิบผลิต-จำหน่ายสินค้าสำเร็จรูป สินค้ากึ่งสำเร็จรูป

Ø  IEC เพิ่มทุนใหม่ 2.04 แสนล้านหุ้น ขาย RO 1:1 หุ้นละ 0.0125 บาท รองรับขยายงาน,เล็งซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล

หุ้นเริ่มซื้อขายวันนี้วันแรก

• III (ราคา IPO 4.80 ราคาเหมาะสม 5 บาท ) **บล.โกลเบล็กเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย**
• ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก
• ราคาIPO ซื้อขายที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 66 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.21 บาทซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด หารด้วยจำนวน หุ้นสามัญทั้งหมด (Fully diluted)
• ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 60 อยู่ที่ราว  168 ล้านบาทเติบโต 78%YoY และปี 61 เติบโต 11%YoY สู่ระดับ 187 ล้านบาทตามการเปิดเส้นทางการบินใหม่ของสายการบินไทย แอร์ เอเชีย และการขยายคลังสินค้าสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์