'สเกล360'ลุยเพิ่มทีม100%โหมฟินเทค

“สเกล 360” ปรับโฟกัสธุรกิจหันลุยฟินเทคเต็มสูบ เล็งเพิ่มทีมงานอีก 100% เสิร์ฟบริการการเงินครบวงจร เชื่อฟินเทคกำลังเบ่งบาน ลูกค้าตลาดไทยเปิดกว้างลงทุนเทคโนโลยีใหม่รับยุคดิจิทัลพลิกโฉมธุรกิจ

นายเนวิลล์ โมลีนิวซ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สเกล 360 จำกัด ผู้ให้บริการด้านฟินเทค กล่าวว่า มีแผนบุกหนักโซลูชั่นด้านฟินเทคในประเทศไทยเต็มรูปแบบ เชื่อว่าโอกาสทางการตลาดมีอยู่สูงมาก

โดยไทยเป็นตลาดที่สำคัญมากของบริษัท ปัจจัยบวกมีทั้งการเติบโตของฟินเทค ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลรวมถึงการใช้บิ๊กดาต้า

บริษัทอยู่ในตลาดประเทศไทยมากว่า 15 ปี ในชื่อ “โดโตกราฟฟี (Dotography)” เดิมให้บริการเว็บไซต์สำหรับธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ ทว่าเมื่อปี 2559 ได้เปลี่ยนแนวทางทำธุรกิจใหม่หันมาโฟกัสตลาดฟินเทคเต็มรูปแบบ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “สเกล360”

ปัจจุบัน มีสำนักงานอยู่ที่สหราชอาณาจักร ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เฉพาะในไทยมีบุคลากร 125 คน สิ้นปีนี้มีแผนเพิ่มถึง 200 คน เน้นนักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นหลัก อื่นๆ จะมีที่เกี่ยวกับการทดสอบผลิตภัณฑ์ และผู้ดูแลระบบ

สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจ เน้นพัฒนาแพลตฟอร์มให้สอดคล้องโจทย์ธุรกิจลูกค้า เปิดกว้างทำงานร่วมกับพันมิตร ในภาพรวมการขยายตลาดเน้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยบริษัทมีประสบการณ์ ความเข้าใจตลาด มีความพร้อมของทีมงาน

ด้านผลิตภัณฑ์ วางตำแหน่งทางการตลาด เน้นให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ดิจิทัลแบงกิ้งบนคลาวด์ ไฮไลต์เช่น “ดิจิทัล แบรนซ์” (Digital Branch) สาขาธนาคารดิจิทัลรูปแบบตู้คีออสที่ทั้งการเปิดบัญชี ระบุตัวตัวลูกค้า บริการด้านเงินกู้ บัตร ฝาก และถอนเงิน

“ฟินเทคเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต การสร้างจุดต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาดิจิทัลแบงกิ้ง 4.0 ที่มีบริการบนดิจิทัลแบบครบวงจร ต่างรายอื่นๆ ที่อาจโฟกัสแค่บางส่วนเช่น เพย์เมนท์”

นอกจากนี้ ที่ขาดไม่ได้ต้องสามารถรองรับระบบหลังบ้านที่มีอยู่เดิมของลูกค้า วิเคราะห์ผลได้แบบเรียลไทม์ สามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดด้านการตลาดได้
ที่ผ่านมา ผลตอบรับที่ชัดเจนจากลูกค้า ช่วยเพิ่มทั้งเวลาการให้บริการ ขยายสาขาได้แบบประหยัด เข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น ตรงจุดขึ้น ลดต้นทุนที่ต้องใช้กับการบริหารจัดการสาขา

เป้าหมายธุรกิจปี 2560 เน้นสร้างทีมงานเป็นหลัก ยังไม่อาจเปิดเผยเชิงรายได้ได้ แต่ขณะนี้เริ่มมีโครงการร่วมกับธุรกิจธนาคารในไทยบ้างแล้ว ประเมินขณะนี้ลูกค้าเปิดกว้างที่จะลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับการให้บริการ

โลกเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล
นายโมลีนิวซ์ กล่าวว่า โลกเปลี่ยนไปแล้ว ถูกปฏิวัติโดยโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ อย่างในอุตสาหกรรมการเงิน การธนาคาร เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมาก ที่เห็นชัดเจนในไทยการใช้งานโมบายแบงกิ้ง มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด

นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้น ต้องการรับการบริการที่สะดวก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งต้องครอบคลุมการให้บริการแบบออมนิชาแนล เรียลไทม์ รองรับการใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ เป็นบริการที่ปรับเปลี่ยนได้สอดคล้องความต้องการแต่ละบุคคล

ขณะที่ มุมเทคโนโลยีรองรับปัญญาประดิษฐ์ การวิเคราะห์เรียลไทม์ สามารถทำงานได้ไม่มีสะดุด 7 วัน 24 ชั่วโมง

ข้อมูลระบุว่า ความพร้อมใช้งานบริการบนดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จากการสำรวจผู้บริโภคทั่วโลก พบว่า มีลูกค้า 55% ที่ยังต้องการพูดคุยกับคนจริงๆ 44% จะไม่เชื่อถือหากไม่มีสาขา และ 55% จะเข้าไปที่สาขาหรือโทรศัพท์เข้าไปสอบถามหากต้องการซื้อผลิตภัณฑ์หรือต้องการคำแนะนำ

ทุกวันนี้ในไทยบริเวณพื้นที่นอกเมือง ซึ่งไม่ได้มีประชากรหนาแน่นการเปิดสาขาเริ่มน้อยลงและบางแห่งปิดตัวไป ตลาดที่พัฒนาแล้วสหราชอาณาจักรปีที่ผ่านมามีสาขาปิดตัวไปกว่า 1,000 สาขา