จ่อรวบขบวนการสร้างพยานเท็จคดี 'ครูจอมทรัพย์' 9คน

จ่อรวบขบวนการสร้างพยานเท็จคดี 'ครูจอมทรัพย์' 9คน

ตร.จ่อรวบขบวนการสร้างพยานเท็จคดี "ครูจอมทรัพย์" 9 คน รอฟังผลตัดสินของศาลก่อนว่ายกคำร้องหรือไม่ หากยกคำร้องก็จะดำเนินการทันที

ที่ศาลจังหวัดนครพนม ความคืบหน้าในคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนม่วงไข่ประชาสงเคราะห์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก3ปี2เดือน ในคดีขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 กระทั่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ ต่อมาร้องขอให้รื้อฟื้นคดีใหม่

 โดยศาลจังหวัดนครพนม นัดสืบพยานมาต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่8-9ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งในวันนี้เป็นนัดสืบพยานเป็นวันที่3ต่อจากเมื่อวานนี้หลังจากศาลนัดสืบพยานฝั่งผู้คัดค้าน 9 ปาก จากทั้งหมด14ปาก ไปจนถึงกระทั่งเวลา23.00น. ของกลางดึกวันที่9ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเหลือพยานอีก 6 ปากที่เหลือ ซึ่งล้วนเป็นตำรวจและอดีตตำรวจ ซึ่งช่วงเช้าพยานฝั่งผู้คัดค้านได้เบิกความไปแล้ว3ปากจาก 6 ปาก

ประกอบด้วย1.พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย รอง ผกก.สภ.เรณูนคร (พงส.คดีในขณะนั้น)2. ร.ต.อ.ไชบัญชา วังคะฮาด รอง สว.(สส.) สภ.เรณูนคร ผู้ที่เดินลงมาส่งนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ที่รถ)3.พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.นครพนม 4.พ.ต.ท.อดิศักดิ์ชมศรีหาราช (พงส.สภ.นาโดน ในขณะนั้น)5. พ.ต.ท.จิตติ์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์ อดีต สว.มุกดาหาร (ผู้ที่อ้างว่าเคยมีเพื่อนครูจอมทรัพย์ไปปรึกษา) และ6. พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู (คณะชุดสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์)

ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้าศาลจังหวัดนครพนมว่าเวลา09.30น. ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ และ ร.ต.อ.ชัยบัญชา เดินมาขึ้นศาลเป็นปากแรกและปาก2ตามลำดับ ต่อมา นางจอมทรัพย์ พร้อมดีเอสไอ ได้เดินทางมาถึงศาลในฐานะโจทก์และผู้ร้อง ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรทำให้ครูเชื่อมั่นในวันนี้ครูจอมทรัพย์กล่าวว่า “ไม่กังวลและมีความมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเองและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม” ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องพิจารณาคดี3.

ที่ห้องพิจารณาคดี3ชั้น2ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์ เวลา 10.00 น. มี พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ เป็นพยานฝ่ายผู้คัดค้านปากแรก เบิกความต่อศาลว่า วันที่ 23 ธ.ค.2556 หลังจากครูจอมทรัพย์ถูกศาลฎีกาพิพากษาวันที่ 24 ก.พ.2556 นายสุริยา หรือครูอ๋อง นวนเจริญ พาตัวนายเสริฐ รูปสะอาด และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ มาพบเพื่อปรึกษาหารือคดีดังกล่าว ครูอ๋องอ้างว่านายเสริฐเป็นคนขับรถที่ชนคนตายตัวจริง จึงมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้น ร.ต.อ.ชัยบัญชา เบิกความเป็นคนที่สองต่อศาลว่า ช่วงบ่ายวันที่ 23 ธ.ค.2556ได้พบนางทัศนีย์ หรือ ป้าเตี้ย ซึ่งเป็นภรรยาของ ด.ต.สมศักดิ์ หาญพยัคฆ์ อดีตตำรวจที่เคยอยู่ประจำ สภ.พระซอง อ.นาแก มาก่อน จึงทักทายกันในฐานะคนรู้จักกันมาก่อน ขณะเดียวกันนั้นครูอ๋องเดินผ่านมาที่โต๊ะทำงาน ตนจึงทักทายกัน เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกันกับครูอ๋องสมัยเป็นวัยรุ่นด้วยกันที่ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ พยานปากที่ 3 เบิกความว่า วันที่ 7 ม.ค.2557 ช่วงเช้าได้มีนายสุริยา หรือครูอ๋อง นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีของครูจอมทรัพย์ นายทักศิล ไขสีดา นายเสริฐ รูปสะอาด และ นายสับ วาปี มาพบตนที่ บก.ภ.จว.นครพนม เพื่อยื่นคำขอรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์ ตนจึงบอกว่าทางตำรวจดำเนินการอะไรไม่ได้เพราะเลยอำนาจของพนักงานสอบสวนไปแล้ว แต่ประกอบกับทาง พล.ต.ต.ธนพล บริบูรณ์ ผบก.ภ.จว.นครพนม ในขณะนั้นได้รับหนังสือจาก พ.ต.อ.เอกชัย นาถึง ผกก.สภ.เรณูนคร ในขณะนั้น ขอปรึกษาคดีดังกล่าวเพราะก่อนนี้ครูอ๋องได้พานายเสริฐกับนางทัศนีย์ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เรณูนคร เพื่อหาทางช่วยเหลือนางจอมทรัพย์

พ.ต.อ.ปราโมทย์ เบิกความต่อว่าทาง บก.ภ.จว.นครพนม จึงมีคำสั่งให้ทาง สภ.นาโดน พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นความจริงตามที่ครูอ๋องกล่าวอ้าง ก็จะต้องหาช่องทางช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ต่อไป ดังนั้นตนจึงประสานไปยัง พ.ต.ต.อดิศักดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ในขณะนั้น เดินทางมาที่ บก.ภ.จว.นครพนม เพื่อทำการสอบปากคำครูอ๋องและพวกที่ให้ข้อเท็จจริงว่าคนขับรถที่ชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตนั้นคือนายเสริฐ จนกระทั่งช่วงบ่ายจึงสอบปากคำเสร็จ ต่อมาตนแนะนำให้กลุ่มครูอ๋องไปพบทนายอาสาที่สำนักงานยุติธรรม จ.นครพนม เพื่อหาทางช่วยเหลือตามที่ครูอ๋องกล่าว แต่ครูอ๋องไม่รู้จักสำนักงานดังกล่าว ตนจึงอาสาขับรถพาไปที่สำนักงานทนายความสัมพันธ์ ทวีพงษ์ หน้าที่ว่าการอำเภอเก่าจังหวัดนครพนม ถนนอภิบาลบัญชา เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยไปรถกันคนละคัน จากนั้นตนเองก็ขอแยกตัวกลับบ้าน โดยไม่ทราบว่าเขาปรึกษาเรื่องอะไรกันบ้างกับทนาย

จวบจนถึง ม.ค.2560 มาทราบข่าวทางสื่อว่าครูจอมทรัพย์ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ตกเป็นแพะทางตำรวจภูธรภาค4 ประชุมกัน เห็นว่า ตนเองเคยพบปะกับกลุ่มครูอ๋องมาตั้งแต่ปี2557 จึงให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ตนจึงเรียกพยานแวดล้อมมีนายลัน โทนแก้ว ซึ่งเป็นผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้ซื้อรถต่อจากนายสับ วาปี เมื่อปี2545 และนายอุบล ไชยบัน บุคคลที่ซื้อรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ต่อจากนายลัน และพยานอีกหลายๆปากมาประกอบกัน จนแน่ใจว่ามีขบวนการสร้างหลักฐานและพยานเท็จมีทั้งหมดจำนวน9คน 1.นายสุริยา หรือครูอ๋อง นวนเจริญ 2. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตรสามีของครูจอมทรัพย์3. นายสับ วาปี บุคคลที่อ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง 4.นายทักศิล ไขสีดา5.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ และเพื่อนครูของครูจอมทรัพย์อีก 4 คน จึงได้มอบหลักฐานดังกล่าวยื่นต่อศาล แต่ต้องรอศาลฎีกาพิพากษาจะยกหรือไม่ยกคำร้องถึงจะดำเนินคดีกับขบวนการเหล่านี้” ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.นครพนม ระบุในช่วงท้าย

พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ พยานปากสุดท้ายได้แถลงต่อศาลว่า เห็นดัวยกับการรื้อฟื้นคดีกับครูจอมทรัพย์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้คัดค้านถ้าเป็นความจริง หากศาลมีคำสั่งว่าครูจอมทรัพย์เป็นผู้บริสุทธิ์ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงนำตัวผู้ต้องหาตัวจริงมาดำเนินคดี แต่จากการสืบสวนสอบสวนที่มีการอ้างว่านายสับ เป็นผู้ต้องหาตัวจริง ที่ขับรถยนต์เฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต เป็นการสร้างพยานเท็จก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่นายเสริฐบุคคลที่ครูอ๋องสร้างเป็นตัวละครว่าขับรถชนคนตายคนแรกนั้น จะถูกกันไว้เป็นพยานฝ่ายคัดค้าน

ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช (พงส.สภ.นาโดน ในขณะนั้น) พ.ต.ท.จิตติ์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์ อดีต สว.มุกดาหาร (ผู้ที่อ้างว่าเคยมีเพื่อนครูจอมทรัพย์ไปปรึกษา) และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู (คณะชุดสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ในการรื้อคดีครูจอมทรัพย์) จะเป็นพยานปากสุดท้ายขึ้นเบิกความแถลงปิดต่อศาล

ขณะเดียวกันมีกลุ่มครูจากจังหวัดสกลนคร จำนวน 4 คน นำช่อดอกไม้มามอบให้แก่ทีมตำรวจที่ทำงานคณะนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย เป็นผู้รับมอบพร้อมกล่าวขอบคุณ จะตั้งใจทำงานสุดความสามารถ