'สมคิด'ยันไม่ขึ้นVAT หวั่นศก.ชะงักแบบญี่ปุ่น

'สมคิด'ยันไม่ขึ้นVAT หวั่นศก.ชะงักแบบญี่ปุ่น

"สมคิด" ยืนยันเศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่ไม่เหมาะปรับขึ้น VAT เกิน7% หวั่นศก.หยุดชะงักแบบญี่ปุ่น พร้อมชวนประชาชนสร้างประเทศไทย 4.0

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนและวิสัยทัศน์ของประเทศไทยภายใต้ประชารัฐ ในการประชุมระดมความคิดเห็น ร่วมมือกันผลักดันสู่เป้าหมาย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและยุติความยากจน ว่า การขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 นั้น ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน จะต้องเร่งสร้างความร่วมมือกันทุกภาคส่วน เนื่องจากขณะนี้เราต้อการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกนโยบายประชารัฐ ซึ่งได้รับผลตอบรับทค่อนข้างมาก เกิดการพัฒนาในทุกวงการ และเชื่อว่าจะเป็นแนวทางและแผนในการสร้างประเทศอย่างยั่งยืน มากกว่าการตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโต หรือ จีดีพีในอัตราที่สูง

“ที่ผ่านมา การมองแต่เศรษฐกิจจะเติบโตเกิดความผิดพลาดมหาศาล ตั้งแต่สงครามโลก ทุกคนมุ่งเน้นขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ โดยมีการยกญี่ปุ่นเป็นโมเดล จนเป็นนโยบายเอกซ์พอร์ตอิโคโนมี่ แต่ยิ่งพัฒนากลับยิ่งเห็นจุดอ่อนว่าการเติบโตเศรษฐกิจอย่างเดียวจะเกิดปัญหา ทั้งความยากจน ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เกิดความหวาดกลัว โดยหากทั่วโลกยังทำแบบนี้อย่างเดียว ในที่สุดสังคมอยู่ไม่ได้ หากมีคนรวยมาก แต่หากมีคนรวยนิดเดียว คนจนมหาศาล มันง่ายที่จะเกิดกลียุคขึ้นมา และหากใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ ไม่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะไม่มีอะไรเหลือในอนาคต ดังนั้นจึงมีการตั้งเป้าหมายเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยต้องคำนึงถึง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไป”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมาไทยก็หยิบยกทั้ง 3 มิติมาขับเคลื่อประเทศเช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมารัฐพยายามเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การเติบโตจากภายในประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งการช่วยเกษตรกร เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ การสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนในประเทศ ให้เอกชนสร้างความสามารถของตัวเอง การสร้างอุตสาหกรรมใหม่เพิ่มมากขึ้นโดยมีมาตรการทางภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจสำคัญ

ทางด้านสังคม ขณะนี้ตนอยากทำเฮ้าส์ซิ่ง อยากทำบ้านให้กับคนจน ก็ได้มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อยากให้ดูแลผู้สูงอายุ ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหาแนวทางว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังอยากให้ดูแลเด็กที่เกิดมาก่อนเข้าเรียนจะดำเนินการได้อย่างไร

นอกจากนี้ได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งศึกษามาตรการเพื่อดึงดูดให้เอกชนจ้างผู้สูงอายุเข้ามาทำงาน หรืออาจกำหนดกรอบผู้สูงอายุที่จะจ้างงานคือ 65-70 ปี นอกจากนี้ยังให้ขยายกรอบการเกษียณอายุของผู้สูงอายุด้วย โดยยกให้ญี่ปุ่นเป็นโมเดลในการศึกษา เนื่องจากที่จากการสำรวจ ที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่บ้านพักคนชรานั้น มีอายุเยอะ แต่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะไม่มีสังคม

“ได้พูดคุยกับรมว.คลังไปบ้างแล้ว ให้บริษัทเอกชนจ้างงาน เพื่อให้เขามีรายได้ มีสังคม ไม่ใช่รอรับเบี้ยคนชรา 500-600 บาทต่อเดือนเท่านั้น เพื่อเป็นการดูแลสังคมซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เป็นแนวทางในการดูแลสถาบันครอบครัว นอกจากนี้ยังอยากจะมีการขยายกรอบการเกษียณอายุออกไปด้วย”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด ปัจจุบันยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้น แต่รัฐบาลยังไม่ตัดสินใจปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 7% เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เห็นได้จากบทเรียนของญี่ปุ่นหลังจากได้ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้ว ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นชะงัก และเป็นปัญหาจนถึงปัจจุบัน