Market Focus

Market Focus

SET รอดูผลการประชุม กนง.

SET View

- แนวโน้มวันนี้มอง Sideway กรอบ 1,540 – 1,565 จุด

แนวโน้ม SET วันนี้ยังมองว่ามีโอกาส Sideway ออกข้างต่อจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มชะลอการลงทุนและจับตาดูผลการประชุม กนง.และผลการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ โดยเราเริ่มเห็นความคาดหวังถึงโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นจากสัญญาณเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย กดดันให้อัตราดอกเบี้ยลงต่ำเป็นประวัติการณ์

ปัจจัยต่างประเทศที่มีประเด็นบวกหนุนจิตวิทยาการลงทุนวันนี้ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐ (NASDAQ) ขึ้นทำจุดสูงใหม่ในประวัติการณ์โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีบางตัวที่ประกาศผลประกอบการออกมามีกำไรโดดเด่น 2) ตลาดหุ้นจีนปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลังรับข่าวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางจีนยังได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีก 100 bps และล่าสุดทางการจีนได้ประกาศลดจำนวนรัฐวิสาหกิจลงจาก 112 แห่ง เหลือ 40 แห่ง ผ่านการควบรวมกิจการครั้งใหญ่

สำหรับปัจจัยในประเทศ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานภาวะการส่งออกของไทยในเดือน มี.ค. ยังคงติดลบอยู่ประมาณ 4% YoY ซึ่งเป็นอัตราติดลบที่ต่ำกว่าเดือนก.พ.ที่ติดลบ 6% ทำให้การส่งออกของไทยในไตรมาสแรกน่าจะติดลบราว 4% นอกจากนี้ ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน มี.ค. ลดลงไปอยู่ระดับ 87.7 จากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 88.9

ทางเทคนิค SET ไม่ควรหลุด Gap ที่บริเวณ 1545-1540 จุด จะกลับเป็นขาลง

- กลยุทธ์การลงทุน ตราบที่ SET ยังพักตัวลงมาไปต่ำกว่าบริเวณ 1545 - 1540 จุด แนะนำ Selective Buy ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

  Top Daily Pick : AH (มูลค่าเหมาะสม 18.10 บาท) ปัจจัยบวกจากยอดขายที่ฟื้นตัวผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อน ขณะที่ราคาหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับกลุ่ม / BANPU (มูลค่าเหมาะสม 39 บาท) แนวโน้มราคาถ่านหินมีโอกาสดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันจะส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน

  Technical Pick : TPIPL SCC SAMART PLANB PM (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)

  Theme Play: กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ (AH) ยอดส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค. 2558 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ ไทยเริ่มส่งออกรถยนต์ปี 2531 / กลุ่มหุ้น (ICHI SST THCOM WORK BANPU KAMART) ที่คาดผลประกอบการฟื้นตัวเด่นใน 1Q58 และยังมี Upside จากมูลค่าที่เหมาะสม / หุ้นเด่นน่าลงทุนเดือน เม.ย. (PTTGC BANPU BCP WORK) / กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (RS WORK MONO) ปัจจัยบวกจากที่ กสทช. ให้เลื่อนจ่ายเงินค่าประมูลช่องดิจิทัลงวดที่ 2 ที่จะครบกำหนดจ่ายในวันที่ 24 พ.ค. นี้ ออกไปอีก 1 ปี / กลุ่มโรงแรม (MINT ERW) การท่องเที่ยวในไตรมาสแรกฟื้นตัวสูง 23% YoY


Strategy Talk

- เศรษฐกิจมหภาค : ปรับลดคาดการณ์ GDP มีมุมมองเชิงลบต่อตลาด

ล่าสุดทางฝ่ายวิจัยภัทรปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ไทยลงเหลือ 3.3% จากเดิมที่ 3.7% (และของปี 59 เหลือ 3.7% จาก 4.3%) เนื่องจากเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจระยะ 1-2 เดือนแรกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด โดยมีปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรับลดครั้งนี้ได้แก่

(1) ตัวเลขส่งออกถูกกดดัน คาดยอดส่งออกทั้งปีจะเติบโตติดลบ 0.5% จากที่เคยคาดว่าจะเติบโต 1.5% เป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำโดยเฉพาะราคายางและผลิตภัณฑ์น้ำมัน กดดันยอดส่งออกรายการดังกล่าวให้หดตัวแรงถึง 20% YoY ในเดือน ม.ค. และเดือน ก.พ. ยากที่รายการอื่นจะดันให้ยอดรวมเติบโตได้ อีกทั้งยังเห็นภาพรวมเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างจีน ญี่ปุ่น และ ยุโรป ฟื้นตัวได้ช้าอีกด้วย (โดยตัวเลขส่งออก/นำเข้าเดือน มี.ค. ประกาศวันที่ 27 - 28 เม.ย. นี้ )

(2) ภาครัฐเบิกจ่ายช้า รอลุ้นครึ่งปีหลัง โดยยอด 6 เดือนแรกของปีนี้คาดงบภาครัฐจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนแค่ 2.3% ขณะที่รัฐบาลชี้แจงว่าพึ่งเซ็นสัญญางานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จำนวนมากในเดือน มี.ค. คาดงบจะลงมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

(3) การใช้จ่ายภาคเอกชนอ่อนแอ มีสัญญาณอ่อนแอสะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆและตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค มีปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเป็น 85.9% ของ GDP กดดันการบริโภคภาคครัวเรือนอีกด้วย ส่วนในภาคธุรกิจยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเหลือมากขึ้น กดดันการขยายธุรกิจเพิ่ม คาดการลงทุนภาคเอกชนทั้งปีเติบโตแค่ 3.6%

ส่วน GDP growth ของ 1Q58 คาดเติบโต 4% ฟื้นตัวจาก 2.3% ใน 4Q57 แต่ยังติดลบ 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดส่งออกสองเดือนแรกลดลง 4% YoY แล้วยังมีสัญญาณยอด NPL ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมากดดันอีกด้วย จะมีเพียงกลุ่มท่องเที่ยวที่คาดจะขยายตัวเด่นถึง 15% โดย GDP growth 1Q58 จะประกาศในวันที่ในวันที่ 18 พ.ค. นี้
ด้านตัวเลขเงินเฟ้อถือว่าอ่อนแอหนัก โดยลดลงจากระดับที่สูงกว่า 2% ในปีก่อนเหลือ -0.5% ในปัจจุบันโดยเราปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีจะเหลือ 0.2% ขณะที่มองเป็นผลหลักๆจาราคาน้ำมันที่ลดลงซึ่งยังมี downside อีกมากเนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศลดลงแค่ราว 20% เทียบกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงไปแล้วกว่า 50% ซึ่งทางรัฐบาลมีโอกาสปลดล็อกผลประโยชน์ออกจากกองทุนน้ำมันมาสู่ประชาชนมากขึ้น ลดราคาน้ำมันลงและอาจเห็นตัวเลขเงินเฟ้อต่ำต่ออีกระยะ (ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ประกาศ 1 พ.ค. นี้)

มุมมองมหภาคจึงสะท้อนมุมมองทางกลยุทธ์เราว่าในระยะ 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยรวมมีโอกาสเห็นงบกลุ่ม real sector ออกมาน่าผิดหวังเหมือนกลุ่มธนาคาร และจะเป็นปัจจัยถ่วง SET ในระยะนี้ มีโอกาสเห็นสำนักวิจัยและนักวิเคราะห์ออกมาปรับลดคาดการณ์ของตน เรายังคงเน้นให้เลือกเป็นรายตัวที่ผลประกอบการ 1Q58 มีทิศทางเติบโตตามกลุ่มที่เคยแนะนำไว้ และต้องระวังการถือครองหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีในช่วงนี้