อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง'จตุพร'ไม่หมิ่น'รสนา'

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง'จตุพร'ไม่หมิ่น'รสนา'

พิพากษาอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง"จตุพร"ไม่ผิดสัมภาษณ์สื่อหมิ่น"รสนา"อดีต ส.ว.

ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.3982/2553 ที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) และอดีต ส.ว.กทม. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328

ตามฟ้องโจทก์ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.53 จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีความพยายามโยกคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)โดยมีโจทก์เป็นตัวตั้งตัวตี ซึ่งมีตำรวจนายหนึ่งไปพบโจทก์ ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทก์ไม่ได้เรียกให้นายตำรวจเข้าพบ รวมทั้งไม่มีอธิบดีดีเอสไอ เข้าพบ มีเพียงคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ที่จะเรียกให้คณะกรรมการสอบสวนเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงของคดีเท่านั้น โดยไม่มีผู้มีอำนาจในรัฐบาลคนใดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือแทรกแซง การกระทำของจำเลย ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าโจทก์ ทำงานภายใต้การร้องขอของรัฐบาล หรือภายใต้อำนาจของรัฐบาล ซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและให้โฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ เป็นเวลา 60 วัน ติดต่อกัน รวมทั้งโฆษณาคำพิพากษาในเว็บไซด์ของหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับอีก 15 เว็บไซด์ เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 90 วัน

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อ 19 ธ.ค.56 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า จำเลยไม่ได้กล่าวยืนยันข้อเท็จจริง การใช้ถ้อยคำเป็นลักษณะตั้งคำถาม และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ฯ ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

ขณะที่ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า ตามบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ของวุฒิสภา ที่โจทก์เป็นประธานการประชุม ได้บรรจุวาระเกี่ยวกับการดำเนินคดีกลุ่มพธม. ขณะเดียวกันก็มีการอภิปรายเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในวาระการประชุมครั้งที่ 18 /2553 ครั้งที่ 20/2553 และ ครั้งที่ 21/2553 และเมื่ออ่านข้อความเกี่ยวกับบันทึกการประชุม จึงอาจมีความเข้าใจได้ว่าจะมีการโอนคดีกลุ่ม พธม.ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็ได้ ดังนั้นข้อความที่จำเลยแถลงและหนังสือพิมพ์นำไปตีพิมพ์ จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูล

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเชิญ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หรืออธิบดีดีเอสไอ มาประชุม จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามิได้มีการสอบถามถึงเรื่องการจะโอนคดี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนยกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายจตุพร ซึ่งวันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับทนายความ ก็ได้เดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ