รัฐเต้นมูดีส์จ่อหั่นเครดิต ผวาต้นทุนกู้พุ่ง

รัฐเต้นมูดีส์จ่อหั่นเครดิต ผวาต้นทุนกู้พุ่ง

นายกฯจี้"บุญทรง"รายงานตัวเลขขาดทุนจำนำข้าว สั่งคลังส่งข้อมูลให้"มูดีส์"หลังเตรียมหั่นเครดิตไทย แบงก์ชาติกังวลต้นทุนกู้ยืมเงินเพิ่ม

ตามที่ สถาบันจัดอันดับเครดิต มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตรียมปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทยลง เนื่องจากกังวลภาระงบประมาณและขาดทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จากโครงการจำนำข้าวและรัฐบาลยังประกาศเดินหน้าโครงการต่อไป

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ยินจากข่าว และให้กระทรวงการคลังติดตามการวิเคราะห์ของ มูดีส์ อย่างใกล้ชิด และเราก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งก็จะให้หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อมูลไปให้อย่างครบถ้วน

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมมีข่าวออกมาเป็นสัปดาห์แล้ว ทางรัฐบาลจึงไม่ชี้แจงตัวเลขขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าว และนายกฯ รู้ถึงจำนวนตัวเลขที่ขาดทุนแล้วหรือไม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ยังไม่มีอะไรเป็นทางการ ทุกอย่างต้องรอกระทรวงพาณิชย์ส่งมา ซึ่งวันนี้ก็ยังถือตามมติครม.เดิมอยู่

เมื่อถามว่า ก่อนหน้ามีรายงานตัวเลขการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว 2.6 แสนล้าน นายกฯ กล่าวว่า รมว.พาณิชย์ ได้ยืนยันในที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่าตัวเลขไม่ตรงกัน ก็ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบก่อน เพราะอย่างไรก็ตาม ต้องมีการทำสรุปทีหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการรายงานตัวเลขขาดทุนมาถึง นายกฯ บ้างหรือไม่ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ก็ยังไม่มีไงคะ เรียนว่าทั้งหมดต้องให้เจ้าของหน่วยงานตรวจสอบก่อน”

ต่อข้อถามที่ว่า นายกฯ ห่วงหรือไม่ว่า ปัญหาโครงการรับจำนำข้าว จะมีผลต่อตำแหน่งนายกฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมเดินเลี่ยงจากวงสัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงว่า “พอแล้ว”

"ยิ่งลักษณ์" สั่ง "บุญทรง" สรุปขาดทุน

แหล่งข่าวในที่ประชุมครม. กล่าวว่า ที่ประชุมครม.วานนี้ไม่ได้หารือถึงแนวทางการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวหลังจากมีกระแสที่เกิดกระแสด้านลบรุนแรงอีกครั้ง หลังถูกฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลโจมตี ในระหว่างการอภิปรายงบประมาณปี 2557 รวมทั้งล่าสุดมูดีส์ยังจะลดเครดิตของประเทศไทย เนื่องจากมีตัวเลขการขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาทด้วย โดยนายกฯ ได้พูดกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ เพียงสั้นๆ ว่า "ยังไงก็รีบสรุปแล้วเอามาให้ดูด้วย"

แหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครม. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่ยอมพูดอะไรในที่ประชุมครม.เลย
เพื่อไทยสั่งเลขาฯ"บุญทรง"แจง ไร้ผล

นอกจากนี้แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย ยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 1-2 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการประชุมวงเล็กของพรรค เพื่อติดตามงานทางด้านเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมมีมติให้ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนถึงประเด็นสงสัยต่างๆ ด้วย

ปรากฏว่า พ.ต.วีระวุฒิ ก็ไม่ยอมแถลง แต่นายบุญทรงก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย ในกระทรวงพาณิชย์ไม่มีใครกล้าพูด อย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ก็ไปทำแต่เรื่องไข่ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร พอนายกฯ ถูกนักข่าวถาม ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีตัวเลขอะไรมายืนยัน ทุกอย่างอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ ถ้าไม่มีตัวเลขก็เหนื่อยต่อไป

ธปท.กังวลหั่นเครดิตดันต้นทุนกู้แพง

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กรณีที่ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ออกมาระบุว่า มูดีส์อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลงนั้น เรื่องนี้ยอมรับว่า มีผลต่อประเทศไทยอยู่บ้าง เพราะถ้าปรับลดจริงอาจกระทบต่อต้นทุน ในการระดมทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ เนื่องจากการระดมทุนต้องให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามูดีส์ยังต้องตรวจเช็คตัวเลขที่สำคัญหลายๆ ตัวให้แน่ใจก่อน เพื่อดูว่าสิ่งที่มูดีส์มีความกังวล จะเป็นเหตุให้มูดีส์ต้องตัดสินใจปรับลดเครดิตเรตติ้งลงหรือไม่ ดังนั้นแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย มีหน้าที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริงกับทางมูดีส์

"ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เขาก็คงมีเหตุผลของเขา ประเทศไทยก็มีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ซึ่งยอมรับว่าเรทติ้งที่ลดลง จะทำให้ต้นทุนระดมทุนของภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น เพราะเครดิตที่ลดลง หมายความว่า ความเสี่ยงของเครดิตเพิ่ม โดยความเสี่ยงที่เพิ่มก็ต้องชดเชย ด้วยผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ต้นทุนกู้ยืมสูงขึ้น แต่มันจะเพิ่มก็ต่อเมื่อเครดิตถูกปรับลดไปแล้ว ตอนนี้ยังเพียงแค่คำพูดเท่านั้น"นางผ่องเพ็ญ กล่าว
เอกชนผวาถูกหั่นเครดิตฉุดลงทุน-เงินกู้

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ จะมีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเงินของประเทศและจะทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น เพราะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นและรวมถึงการกู้ยืมเงินของภาคเอกชนด้วย รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในไทย เนื่องจากนักลงทุนจะใช้อันดับความน่าเชื่อถือ เป็นตัวชี้วัดในการเข้ามาลงทุนในไทยด้วย ซึ่งในบริษัทเอกชนก็มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือและถ้าบริษัทใดได้ระดับ A ก็จะทำให้การขอสินเชื่อได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าระดับ B

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ อาจมีผลต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะความเชื่อมั่นที่ดีกว่า จะทำให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า แต่ต้องรอดูการประกาศอย่างเป็นทางการว่าใช้เหตุผลอะไรในการปรับ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมูดี้ส์เพิ่งเลื่อนอันดับให้ไทย และถ้าเลื่อนลงก็อาจกลับไปอยู่ระดับเดิม โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐพยายามหาทางแก้ปัญหาที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจ เช่น การแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องที่ภาครัฐมีความเข้มแข็งและทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการดูแลเศรษฐกิจ

"บุญทรง"สั่งสอบข้อมูลขาดทุน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ขอข้อมูลจากกระทรวงการคลังเพื่อนำมาตรวจสอบกรณีออกมาระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท ก่อนเตรียมแถลงข้อเท็จจริงภายในสัปดาห์นี้

เบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ไม่เชื่อว่าโครงการรับจำนำจะขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่ดำเนินโครงการมาเมื่อปี 2554/55 และได้มีการขายข้าวในสต็อกรัฐบาลจนถึงปัจจุบันสามารถนำเงินส่งคืนคลังได้ 1.4 แสนล้านบาท และยังมีข้าวที่ยังอยู่ในสต็อกรัฐบาลอีกจำนวนมาก ที่สามารถตีเป็นมูลค่ามหาศาล ที่ยังรอการระบาย ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าโครงการจะขาดทุนสูง อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการเพื่อเกษตรกรในทุกรูปแบบจะต้องมีการขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"รมว.พาณิชย์เล่าให้ผมฟังว่าได้ให้กระทรวงพาณิชย์ ขอข้อมูลคลังมาตรวจสอบแล้ว ว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่อย่างไร ไม่ได้ให้ตั้งกรรมการอะไร แต่ให้เอาข้อมูลมาดูว่าผิดพลาดตรงไหน มีหลักการคำนวณอย่างไร ก่อนจะชี้แจงให้ชัดเจนว่า โครงการรับจำนำไม่ได้ขาดทุนสูงมากขนาดนั้น"นายณัฐวุฒิ กล่าว

จัด"จำนำข้าวสัญจร"แจงชาวนา

นอกจากนี้ ตนมีแผนจะเดินหน้า “โครงการจำนำข้าวสัญจรจับเข่าคุยเกษตรกรชาวนา” เริ่มต้นที่จังหวัดพิษณุโลกวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จากนั้นเดินหน้าทำความเข้าใจในทุกพื้นที่ สาระสำคัญคือการสร้างความมั่นใจว่าโครงการรับจำนำยังเดินหน้าต่อและไม่ได้มีปัญหาอย่างที่เป็นกระแสในขณะนี้

"ที่เริ่มจังหวัดพิษณุโลก เพราะเป็นช่วงที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างพอดี การชี้แจงก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง รมว.พาณิชย์ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ที่กำกับดูแล ธ.ก.ส.ไปร่วมชี้แจงด้วย"นายณัฐวุฒิ กล่าว

เผยแผนคืนเงินถึงเดือนก.ย.1.49แสนล้าน

รายงานข่าวแจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้รายงานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถึง คาดการณ์เงินจากการระบายผลิตผลปีการผลิต 2554/55 ว่า มีเงินจากการระบายข้าวสะสมถึงเดือนก.พ. 2556 มูลค่า 61,888 ล้านบาท และตั้งแต่เดือนมี.ค. -ก.ย. 2556 คาดว่าจะมีเงินจากการระบายข้าว โดยเดือนมี.ค. 2556 มูลค่า 14,113 ล้านบาท เดือนเม.ย. มูลค่า 12,623 ล้านบาท เดือนพ.ค. มูลค่า 13,460 ล้านบาท เดือนมิ.ย. มูลค่า 13,061 ล้านบาท เดือนก.ค. มูลค่า 11,610 ล้านบาท เดือนส.ค. มูลค่า 10,901 ล้านบาท เดือนก.ย. มูลค่า 11,427 ล้านบาท รวม 149,083 ล้านบาท

ธ.ก.ส.มีเงินจำนำถึงสิ้นนาปรัง 2556

นายบุญไทย แก้วขันตี รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมสภาพคล่องไว้เพียงพอสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2555/2556 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้ โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. อยู่ระหว่างดำเนินการกู้เงินจำนวนที่เหลือ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการเป็นรอบสุดท้าย ซึ่งเราประเมินว่า จะเพียงพอต่อการดำเนินโครงการดังกล่าว

ส่วนวงเงินกู้ที่รัฐบาลอนุมัติใช้ในโครงการรับจำนำ 5 แสนล้านบาทนั้น เมื่อสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวปี 2555/2556 จะถือว่าเต็มจำนวน ดังนั้น หากรัฐบาลจะต้องดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ในช่วงเวลาการผลิตถัดไป จะต้องมีนโยบายที่จะเพิ่มและจัดหาวงเงินกู้ หรือต้องระบายข้าว เพื่อให้มีเม็ดเงินมาหมุนเวียนเป็นไปตามกำหนด

ทั้งนี้ สภาพคล่องที่ใช้ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาพคล่อง ที่ใช้ในการดำเนินธุรกรรมการเงินของธนาคารตามปกติ โดยสภาพคล่องของธนาคารในปัจจุบันนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 2 เท่าของเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องกว่า 1 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในระดับกว่า 2 แสนล้านบาท โดยเป็นผลจากการถอนเงินของหน่วยงานราชการ
ปี2555/56จ่ายเงินจำนำแล้ว 2.08 แสนล้าน

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 รอบที่ 1 (1 ต.ค.2555-15 ก.ย.2556) ณ วันที่ 30 เม.ย.2556 มีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 895 โรง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2,149,030 ราย ปริมาณรับจำนำทั้งสิ้น 13,993,093 ตัน โดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรแล้ว 1,413,240 สัญญา เป็นเงิน 208,215.951 ล้านบาท ส่วนการดำเนินการรอบที่ 2 (14 มี.ค.-15 ก.ย.2556) ณ วันที่ 30 เม.ย.2556 มีโรงสีสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 497 โรง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 255,408 ราย ปริมาณรับจำนำรวมทั้งสิ้น 2,389,756 ตัน

มีรายงานด้วยว่าปัญหาอุปสรรคของโครงการนี้ ก็คืองบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าคลังสินค้า ค่ากรรมการ ค่าตรวจสอบสภาพข้าว ค่าดูแลรักษาข้าวสารและค่าเบี้ยประกันภัย ทำให้ อ.ต.ก.ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการตามสัญญาได้