'ไทรอัมพ์'ปรับแบรนด์'สล็อกกี้ง'สู้สินค้าจีน

'ไทรอัมพ์'ปรับแบรนด์'สล็อกกี้ง'สู้สินค้าจีน

"ไทรอัมพ์"ปรับกลยุทธ์แบรนด์"สล็อกกี้"สู้สินค้าจีน

ตลอด 3 -4 ปีที่ชุดชั้นในโนเนมนำเข้าจากประเทศจีน เข้ามาตีตลาดด้วยจุดขายที่มีราคาถูกว่า 5 เท่า ทำให้ชุดชั้นในแบรนด์เนมที่วางขายในห้างสรรพสินค้าต้องปรับกลยุทธ์สู้ด้วยการออกคอลเลคชั่นใหม่ และเพิ่มความถี่ในการจัดโปรโมชั่นทุกเดือน โดยนางสาวชลรดี เลี่ยมตระกูล หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า การแข่งขันตลาดชุดชั้นในมีการแข่งขันสูง ทั้งด้านการดีไซน์ ฟังก์ชั่น และนวัตกรรม ทำให้ผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อชุดชั้นใน แบ่งแยกตามการใช้งานอย่างชัดเจน

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลทำให้ชุดชั้นใน “สล็อกกี้” ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แบรนด์หลักของ บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ต้องปรับกลยุทธ์รับมือสินค้านำเข้าจากประเทศจีนตีตลาด โดยทุ่มงบการตลาดสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดใน 2 ทาง คือ ขยายฐานจากกลุ่มนักศึกษา ที่มีความอ่อนไหวต่อราคาไปสู่กลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุ 25-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และมีพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในตามแฟชั่น

กลยุทธ์การตลาดที่ออกมาตอบโจทย์ในจุดนี้จะมีการวางแผนการตลาดเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ และแคมเปญโปรโมชั่นที่จัดขึ้นในทุกๆเดือน ซึ่งเป็นกลยุทธ์กระตุ้นให้มีการซื้อชุดชั้นในเพิ่มขึ้น จากปกติผู้บริโภค มีเสื้อชั้นในเฉลี่ยประมาณ 20 ตัวต่อคน และกางเกงในประมาณ 30 ตัว

การกลับมารุกตลาดใน 3 ปีของ “สล็อกกี้” ไม่เพียงปรับเกมรับสินค้าจีน แต่ยังวางแผนขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายในระยะ 2 ปี โดยวางเป้าหมายหลังทำตลาดเชิงรุกด้วยการขยายฐานและเพิ่มความถี่ในการซื้อแล้ว จะทำให้ชุดชั้นใน “สล็อกกี้”เบียด“จ๊อกกี้” ขึ้นแท่นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทน รวมถึงมียอดขายเติบโตปีละ 20% มีอัตราการเติบโตกว่าตลาดรวมมูลค่า 1 พันล้านบาทที่เติบโต 10% ต่อปี