นิวซีแลนด์ไฟเขียว ‘เจมส์ คาเมรอน’ ถ่ายหนังในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ
นิวซีแลนด์หาประโยชน์จากการเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่ปลอดเชื้อโควิด-19 ด้วยการไฟเขียวให้กองถ่ายหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดเรื่อง Avatar ยกกองเข้ามาถ่ายทำได้เป็นกรณีพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยังไม่คลี่คลายลง ทำให้หลายประเทศยังคงปิดพรมแดน ห้ามการเดินทางเข้าออก เพราะเกรงว่าคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะนำเชื้อเข้ามาในประเทศที่มีการควบคุมได้แล้ว
ทว่าการปิดประเทศย่อมหมายถึงการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยว และธุรกิจต่างชาติที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้ฟื้นคืนจากภาวะซบเซาตามไปด้วย
ด้วยเหตุนี้เองประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวมีสัดส่วนโดยตรงต่อจีดีพีถึง 5.8 เปอร์เซ็นต์ และโดยอ้อมอีก 4 เปอร์เซ็นต์ (ข้อมูลจาก Statistics NZ Tourism Satellite Account year ended March 2019) จึงตัดสินใจอนุมัติให้ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับชื่อดังของฮอลลีวูด ยกกองเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Avatar เป็นกรณีพิเศษ เพราะกองถ่าย Avartar ชุดนี้มีลูกทีมติดตามมาด้วย 30 คน และจะก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ถึงอีกราว 400 คน
หาประโยชน์จากเขตปลอดโควิด
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วันต่อสัปดาห์ แถมยังปิดพรมแดนจนทำให้ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจการศึกษาที่เคยเป็นแหล่งรายได้สำคัญได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่ความเข้มงวดดังกล่าวก็ส่งผลให้นิวซีแลนด์มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพียง 1,516 ราย เสียชีวิต 22 ราย และไม่มีรายงานการติดเชื้อในประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว นายกรัฐมนตรี Jacinda Ardern จึงตัดสินใจประกาศยกเลิกข้อห้ามต่าง ๆ ให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติได้เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี Jacinda Ardern ของนิวซีแลนด์ แถลงข่าวเรื่องประเทศปลอดเชื้อโควิด-19
credit : Marty MELVILLE / AFP
ขณะที่ Roger Partridge ประธานกลุ่มนักคิดที่ชื่อว่า The New Zealand Initiative ในกรุงเวลลิงตัน ออกมาเสนอแนะว่านิวซีแลนด์ต้องรีบหาประโยชน์จากการที่ปลอดโควิดเป็นประเทศแรก ๆ ของโลก
“เรามีซูเปอร์พาวเวอร์ใหม่ นั่นคือ การเป็นประเทศปลอดโควิดในโลกที่เต็มไปด้วยการติดเชื้อ เราควรมองหาวิธีการหาประโยชน์จากเรื่องนี้ เพื่อนำชีวิตกลับเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ”
เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี Ardern ที่อ้าแขนรับบริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป ซึ่งมีแผนจะมาสร้างศูนย์ข้อมูล (datacenter) ให้บริการ cloud service ขึ้นที่นิวซีแลนด์ โดยผู้นำแดนกีวีกล่าวว่าบริษัทใหญ่อย่างไมโครซอฟท์คงไม่คิดมาลงทุนหากไม่มีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ รวมถึงเรื่องที่นิวซีแลนด์ให้สถานที่ที่ปลอดภัยในการดำเนินการ ทั้งในเรื่องของสุขภาพ และธุรกิจ ซึ่งการเป็นประเทศที่ปลอดโควิด-19 ก่อน ทำให้นิวซีแลนด์ “ได้ประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์จากการเป็นแหล่งปลอดภัย”
ภาพยนตร์ : แหล่งรายได้สำคัญ
ใครที่เป็นคอภาพยนตร์คงทราบกันดีว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ถูกใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ดัง ๆ มากมาย นอกเหนือจาก The Lord of The Rings และ The Hobbit ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ซึ่งเป็นคนนิวซีแลนด์แล้ว ก็ยังมี Chronicles of Narnia – Prince Caspian (ถ่ายทำที่ Cathedral Cove) Wolverine (ถ่ายทำที่ Paradise) The Piano (ถ่ายทำที่ชายหาด Karekare) King Kong (ถ่ายทำที่อ่าว Shelly กับอ่าว Lyall) ฯลฯ
จึงไม่แปลกที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์จะสร้างรายได้ให้กับนิวซีแลนด์ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี โดยมีกองถ่ายจากต่างประเทศ ซึ่งใช้เวลาในการถ่ายทำยาวนาน และจ้างแรงงานท้องถิ่นหลายพันคน เป็นหัวใจสำคัญ
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์อนุมัติให้กองถ่ายทำจากต่างประเทศถึง 56 กอง เดินทางกลับเข้ามา โดยนอกจากกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Avatar แล้วก็ยังมีกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Power of the Dog ที่นำแสดงโดย เบเนดิกท์ คัมเบอร์แบทช์ และ เคอร์สเทน ดันสท์ ที่จะเริ่มงานกันในเร็ว ๆ นี้
ภาพยนตร์ Avatar ภาคใหม่จะทำโปรดักชั่นในกรุงเวลลิงตัน โดยเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท Weta Digital ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน โดย เจมส์ คาเมรอน ได้ลงทุนเช่าเหมาลำเครื่องบินมาจากลอสแองเจลีส ขนกองถ่ายมากักตัวอยู่ที่โรงแรมหนึ่งในเมืองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มการถ่ายทำ
โปรดิวเซอร์ Jon Landau ได้เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์นิวซีแลนด์ว่าโปรเจคท์ Avatar นี้จะลงทุน 70 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ แล้วจะลงทุนอีกหลายล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาหลังจากนั้น
นอกจากนี้ การที่ทีมงานของ Avatar เดินทางกลับเข้ามายังนิวซีแลนด์แล้วต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ในการกักตัวเพื่อป้องกันเชื้อโรค ก็ถือเป็นการทดสอบที่ดีว่าจะให้พนักงานที่จำเป็นกลับมาทำงานตามปรกติได้แล้ว
“มันเป็นการส่งสัญญาณไปยังภาพยนตร์เรื่องอื่นว่าพวกเขาสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยแล้ว และเป็นการบอกไปยังธุรกิจอื่นที่อาจจะไม่มีความคิดที่จะเดินทางมายังนิวซีแลนด์มาก่อนด้วย”