พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ “คำว่าให้ไม่สิ้นสุด อย่าหยุดให้โอกาสตัวเอง”

พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ  “คำว่าให้ไม่สิ้นสุด อย่าหยุดให้โอกาสตัวเอง”

จากจุดเริ่มต้นที่เข้ามาช่วยงานในมูลนิธิรามาธิบดีในฐานะอาสาสมัครก่อนตัดสินใจร่วมงานต่อ จนก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการมูลนิธิจวบจนปัจจุบัน

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่เข้ามาทำงานที่มูลนิธิรามาธิบดี

เป็นความบังเอิญค่ะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหมาะกับคนทำงานมูลนิธิ พอดีมีผู้ใหญ่ที่รู้จักมองเห็นว่าเรามีความสามารถ 2 ด้าน คือ งานมาร์เก็ตติ้งและบัญชี ถ้าทำงานในองค์กรอื่น เราอาจะเป็น Brand management เป็นคนวางแผนด้านกลยุทธ์ทางการตลาด ประมาณนี้

ช่วงแรกเข้ามาทำเป็นอาสาสมัครตอนนั้นอายุ 24 ปี มาช่วยงานระดมทุนสร้างอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ถนนพระราม 6 พอดีที่บ้านค้าขายมีความเป็นแม่ค้าอยู่หน่อยๆ คือ เป็นลูกหลานคนจีนชอบทำงานธุรกิจ ทำงานอาสาสมัครมาทำงานเต็มเวลาทุกวันจนล่วงเลยมา 3 ปี ทางบ้านเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นทำเป็นงานประจำเลยก็แล้วกัน

ช่วงนั้นค้นพบเป้าหมายในชีวิตของตัวเองแล้วหรือยัง

ถ้าเป้าหมายในชีวิตของเราเป็นแค่เรื่องไฟแนนเชี่ยล ที่นี่อาจไม่ได้ตอบโจทย์ แต่เรามองว่าเป้าหมายในชีวิตเรามีหลากลายมิติ บางมิติที่นี่เติมเต็มให้เราได้ ได้เรียนรู้พัฒนาในหลายๆด้าน

รู้สึกว่าอยากมีประโยชน์อยากมีชีวิตที่ fulfill อยากที่จะดูแล คนที่เรารักได้ คือ คุณพ่อคุณแม่ คำว่า ‘ดูแล’ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของ ‘เวลา’ อันนี้คิดว่า น่าจะทำให้ตัวเอง fulfill เรารู้สึกว่าได้เรียนรู้ทุกวัน ทำงานที่นี่มันตอบโจทย์

การทำงานในตำแหน่งหน้าที่ต้องประสานงานกับผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความอาวุโสกว่านั้นเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย มีหลักการและวิธีคิดอย่างไร

อยู่ที่ mind set เราต้องคิดว่าตัวเราเองมีคุณค่า ไม่อย่างนั้นเขาไม่ได้ให้เรามาทำตรงนี้หรอก มันไม่มีอะไรที่ยากเกินไปในเมื่อเขาไว้ใจให้เรามาทำงานนี้ ตอนที่เราเป็นเด็กกว่านี้เวลาที่เราไม่เข้าใจ ไม่ได้ดั่งใจเราจะพยายามหาเหตุผลมากมายที่จะเข้าถึงผู้ใหญ่

แต่พอโตขึ้นมาเรา เรามองว่า Bottom Line คือ ทำให้องค์กรของเราได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าทางผู้ใหญ่มีทางเลือกที่ดีกว่าช่วยบอกเราด้วย เพราะเราไม่ได้แข่งกับใคร การทำงานเลยไม่รู้สึกว่ายาก หลายๆคนบอกว่าทำไมคุยกับคนยากๆได้ เราต้องมี mind set ที่ดี มองโลกในแง่ดี ต้องให้เกียรติกับทุกคนที่เราคุยด้วย คิดว่าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดสำหรับองค์กร

pansiri2

คำว่าให้ไม่สิ้นสุด มีความหมายอย่างไร

คำว่าให้ไม่สิ้นสุดกว้างใหญ่มากเลยนะ คนให้ คือ คนที่ได้รับด้วย คนรับ คือ คนที่ให้โอกาสให้ผู้อื่นได้เป็นผู้ให้

การที่คุณยายหรือเด็กตัวน้อยๆที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาหาคุณหมอ เราเห็นภาพที่เขาหย่อนเงินลงในตู้บริจาคมันเป็นภาพที่สวยงามนะคะ การให้ของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้คนทุกข์น้อยลง ในขณะเดียวกันตัวผู้ให้เองก็มีความสุข มีความอิ่มเอิบใจ

เมื่อก่อนทำงาน Operation มีคนนั่งรถเมล์มาบริจาคสองแสนบาท ถ้าเป็นเราอาจคิดว่าเงินสองแสนน่าจะนำไปซื้อรถยนต์ขับดีกว่า แต่เขานำมาบริจาค ทำให้เรารู้สึกถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่ บางคนมาบริจาคกันยาวนานจนเป็น long relationship

ช่องทางการบริจาคปรับออนไลน์แต่ไม่ลืมกระดาษ

ออกแบบระบบบริจาคอย่างไรให้สะดวกกับคนรุ่นใหม่ เรามี www.ramafoundation.or.th มีเฟซบุ๊ค ขณะเดียวกันเราอยู่กับผู้ใหญ่เยอะ ผู้ใหญ่ชอบกระดาษ ชอบกรอกเอกสาร ดังนั้นห้ามทิ้งโบรชัวร์เด็ดขาด

นอกจากนี้เราจะเห็นว่าคนรุ่นแม่ รุ่นป้าใช้ LINE กันเยอะมาก จะให้เขาแฟกซ์มาเหรอเขาไม่มีเครื่องแฟกซ์ที่บ้านแล้วจ้า เมื่อบริจาคแล้วเขาก็ไม่ได้อยากได้ใบเสร็จเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีสำหรับตัวเอง แต่เขาอยากให้ลูกให้หลานเขานำไปลดหย่อนภาษี

การทำงานของเราคือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การทำงานระดมทุนอย่ามองแต่เงินอย่างเดียวเมื่อเราเข้าใจเขาให้สิ่งที่ดีที่สุดแล้วเงินจะเข้ามาเอง

การระดมทุนในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีความยากง่ายอย่างไร

บางคนบอกว่าเราขอไม่สิ้นสุดแต่ว่าผู้ป่วยก็มีจำนวนไม่สิ้นสุดเช่นกัน ในสถานการณ์โควิดเรารู้ทุกว่าคนล้วนได้รับกระทบไม่ว่าจะทางด้านเศรษฐกิจและด้านต่างๆ ดังนั้นเราจะระดมทุนอย่างไรไม่ให้เขารู้สึกว่า การไม่ให้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะในสถานการณ์แบบนี้ทุกคนต่างเดือดร้อน ทุกคนต้องเทคแคร์ตัวเอง

แต่พอเรานำแคมเปญเชิญชวนร่วมบริจาคออกไป เงินบริจาคก็เข้ามาเป็นจำนวนมาก เทียบกับยอดปกติเพิ่มขึ้นถึง 200 เท่า เราจะเห็นเลยว่าคนไทยใจดีพอเห็นคนเดือดร้อนก็ช่วยกัน

นอกจากเงินบริจาคแล้ว ในช่วงที่หน้ากาก N95 ขาดตลาด เราได้รับบริจาคเยอะมาก มูลนิธิทำหน้าที่เป็นสะพานบุญเชื่อมระหว่างความช่วยเหลือของประชาชนกับบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม เรารับหมด เช่น มีเชฟจากโรงแรมต่างๆช่วยกันทำอาหารให้กับคุณหมอ พยาบาลที่โรงพยาบาลจักรีนฤบดินทร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์โควิดเรายังได้ทดสอบตัวเองในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด ทำให้รู้ว่าเรามีศักยภาพมากมายกว่าที่เราคิด มองดูแล้วเราก็คล้ายกับโรงงานผลิตหน้ากาก จู่ๆมี demand มากมายมหาศาล มีทั้งรายรับ-รายจ่ายเข้ามามากมายมหาศาล

ถือว่าได้ทดสอบศักยภาพพนักงานของเรา รวมถึงฟังก์ชันของการ work from home ว่าเป็นยังไง

ในส่วนตัวแล้วโควิดทำให้เรารู้ว่าเรามีศักยภาพมากมายที่เราไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเราสามารถทำได้ดีขนาดนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการซัพพอร์ตในทุกความจำเป็นที่เร่งด่วน เรารู้สึกว่าเราทำได้ เพราะว่าเราเปิดใจให้กับการเรียนรู้

13 ปีในการทำงานให้กับมูลนิธิรามาธิบดีได้บทเรียนชีวิตอย่างไรบ้าง

คนเราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่ความพึงพอใจ ถามว่าวันนี้เราประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยังถ้าเราพึงพอใจอาจหมายความว่าสำเร็จ แต่ไม่ได้แปลว่าเราสามารถแก้ไขได้ทุกปัญหา การได้รู้จักปัญหากลับเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโต

การทำงานท่ามกลางปัญหาอุปสรรคทั้งก่อนโควิดและช่วงโควิด อยู่ในโรงพยาบาลที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความเจ็บป่วย การที่ได้เห็นความทุกข์ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น

เทียบกับตอนเด็กที่เราเรียนอยู่เมืองนอก ได้เห็นอะไรหลายๆ กลับรู้สึกว่ามีความสุขไม่เท่ากับวันนี้ เพราะเมื่อก่อนเรามองความสุขเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งๆที่ความจริงแล้วความสุขอยู่ใกล้ตัวเรามาก อยู่ในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะความสุขจากการให้

เงินไม่ใช่ทางเดียวของการให้ ความปรารถนาดี การแสดงออกด้วยท่าทาง น้ำเสียง คำพูดที่ใช้ Language of love เป็นการให้ที่มีคุณค่า การให้กับคนในครอบครัว สำคัญมากกว่าการให้กับคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ

แต่ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมให้โอกาสกับตัวเอง