'อรรณพ กิตติกุล' ท่องเที่ยวคือบททดสอบ

 'อรรณพ กิตติกุล' ท่องเที่ยวคือบททดสอบ

“การเดินทางท่องเที่ยวคือการฝึกตัวเอง เวลาทำงานเป็นพิธีกรจะเจอคน เจอทีมงานเยอะแยะไปหมด พอทำไปสักระยะหนึ่งรู้สึกว่าชาชินเฉยเมย หมดไฟ ก็จะหนีไปท่องเที่ยวคนเดียว เป็นเวลาที่เราต้องการเติมอะไรใหม่ๆ เป็นการฝึกความมั่นใจ ฝึกการตัดสินใจ

อรรณพ กิตติกุล พิธีกร ดีเจ. เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเข้าประกวดมิสเตอร์ยูนิเวอร์ซิตี้ เพื่อคัดเลือกไปประกวดต่อที่ประเทศเกาหลี พิธีกรบนเวทีนั้น ‘วินิจ เลิศรัตนชัย’ ถูกใจน้ำเสียงของเขา ชักชวนให้มาเป็นดีเจ.นักจัดรายการวิทยุ และเมื่อทางคลื่นจัดงานคอนเสิร์ต เขาได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร จากนั้นก็มีงานต่อเนื่องมาตลอด จึงเบนเข็มมาเป็นพิธีกรเต็มตัวกระทั่งปัจจุบัน ทำให้ไม่มีเวลาว่างหรือวันหยุดเหมือนกับคนอื่น

“ช่วงเทศกาลคนอื่นเขาว่าง แต่เราไม่ว่างเพราะต้องทำงาน จึงต้องหาเวลาไปเที่ยวในเวลาที่ไม่เหมือนคนอื่น สถานที่ท่องเที่ยวที่ผมชอบไป จะมีทั้งสองแบบครับ คือธรรมชาติและในเมือง ถ้าในเมืองไทย ที่ชอบที่สุดก็คือ กระบี่ ที่หาดไร่เลย์ ถ้ำพระนาง ที่นั่นสวยมาก ธรรมชาติดี มีปีนผา เหมือนไปเมืองนอกเพราะว่ามีแต่ฝรั่งปีนหน้าผากัน สมัยเด็กๆ เคยไปถ่ายรายการปีนหน้าผาที่นี่ ปีนขึ้นไปถึงยอดสูงสุดเลย ช่างภาพก็ต้องปีนขึ้นไปด้วย แล้วสมัยก่อนมันเป็นกล้องใหญ่ โอโห มันมากครับ เป็นรายการช่อง 3 ชื่ีอ เพื่อโลกสวย เลยประทับใจที่นี่ตั้งแต่สมัยโน้นจนกระทั่งตอนนี้ ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ จะชอบทะเลมากกว่าภูเขา เพราะภูเขาเที่ยวคนเดียวยาก จะไปเดินป่าคนเดียวก็เสี่ยงต่อการหลงป่า แต่ทะเลเที่ยวคนเดียวได้ นั่งเล่น เดินไปเดินมา ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ได้"

 

Screenshot_20200530_235646_2

 

 

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศที่ชื่นชอบคือ ญี่ปุ่น

“ถ้าไปคนเดียวจะชอบ ญุี่ปุ่น มันปลอดภัยสุด สะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย ที่ไปบ่อยคือ โตเกียว นาโกย่า โตเกียวเป็นที่รวมของทุกสิ่งทุกอย่างในญี่ปุ่น แต่ช่วงหลังคนเริ่มแน่น ก็จะไปพักที่นาโกย่า เป็นเมืองที่คนไม่ค่อยไปเท่าไร เป็นเมืองที่สงบ อยู่ถัดจากโตเกียว จะไปโตเกียวก็ง่าย เวลาไปญี่ปุ่นแต่ละครั้งจะต้องไปดูภูเขาไฟฟูจิ ช่วงก่อนโควิด คนเยอะมาก ทัวร์จีนลง ภูเขาไม่เปลี่ยน แต่เมืองเปลี่ยน คนของเขาก็เปลี่ยนไป เขามองเราเหมือนเรามองทัวร์จีน มองเป็นนักท่องเที่ยว เมื่อก่อนเวลาเราถามทางคนญี่ปุ่น ถ้าเป็นโตเกียวเขาจะพาไปถึงสถานที่เลย เดินไปส่ง แต่พอนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น เขาก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้จัก แต่ว่าเมืองชนบทยังมีบรรยากาศแบบเดิม ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม

 

Screenshot_20200530_235726

 

อันดับสองที่ชอบไปคือ ไทเป ไต้หวัน เป็นเมืองที่คนเข้าแถว มีระเบียบเรียบร้อยเหมือนญี่ปุ่นมากกว่าจีน เวลาไป ก็เหมือนเราไปญี่ปุ่นในราคาที่ถูกลงครึ่งหนึ่ง ไทเปเป็นเมืองเรียบง่าย มีความปลอดภัย สะดวก คนเป็นมิตร ไปไหนก็รู้สึกปลอดภัย แล้วเขาก็ชอบคนไทยด้วย คนของเขาก็อัธยาศัยดี ยุโรปก็ชอบนะ แต่ว่าต้องวางแผนการเดินทางหลายวัน ต้องทำวีซ่า ก็จะลำบากหน่อย จะไปแบบปุบปับไม่ได้ ต้องคิดวางแผนล่วงหน้า ต้องมีเวลานานๆ ถึงจะไปได้ ที่ไปมาแล้วนานสุดคือ อังกฤษ ไปในหลายๆ เมืองของเขา ก็สนุกดี ชอบสถาปัตยกรรมของเขา ของยุโรปจะเป็นอีกแนวหนึ่งไม่เหมือนเอเชีย ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่ค่อยได้เห็นแนวนั้นเท่าไรครับ”

อรรณพบอกว่า สไตล์การเดินทางของเขา สิ่งต้องห้ามพลาดในการไปเที่ยวประเทศต่างๆ ก็คือ วิถีชีวิตและอาหาร

 

Screenshot_20200530_235549

 

“ส่วนมากจะไปดูวิถีชีวิต ดูแหล่งท่องเที่ยวที่มันขึ้นชื่อ ไฮไลท์ของแต่ละเมือง ที่เหลือก็เน้นของกิน ไปกินอาหารที่ขึ้นชื่อในแต่ละที่ อาหารประจำเมือง ประจำถิ่นของเขา บางคนมาแล้วต้องกินให้ครบ แต่เราก็กินไม่ค่อยครบเท่าไรหรอก ก็เอาเท่าที่ได้ครับ”

สำหรับประเทศที่อยากไป แต่ยังไม่ได้ไปก็คือ เม็กซิโก

“อยากไปเมืองแปลกๆ อย่างละตินอเมริกา เม็กซิโก เป็นดินแดนที่เราไม่เคยไปเลย ก็อยากไปดูว่าเป็นไงบ้าง ชอบความลึกลับ เวลาที่เราไปเมืองที่เราไม่เคยไป จะทำให้เราได้ฝึกเรื่องของความคิด เรื่องของการแก้ปัญหา คือถ้าไปชิลๆ แบบญี่ปุ่นมันก็เหมือนไปเที่ยวไปพักผ่อนสบาย แต่ถ้าเราไปเมืองแปลกๆ มันจะทำให้เราได้ฝึก การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ผจญภัยทุกครั้่ง ทุกวัน”

ซึ่งก็มีความไม่สมหวังเกิดขึ้นในการเดินทางด้วยเหมือนกัน

 

Screenshot_20200530_235255

 

“การเดินทางท่องเที่ยวแบบไปคนเดียว จะโชคดีอย่าง เวลาเราหลงทางเราก็โทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง หรือวันไหนเราขี้เกียจตื่นเช้า พอเราตื่นมาเราก็สามารถเปลี่ยนแผนได้ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เรากำหนดได้เองหมด มันก็สนุกดีครับ มันไม่ใช่ความพลาด แต่เป็นการให้เราเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเองครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ค่อยรุนแรงเท่าไร ส่วนมากก็หลงทางไปเรื่อยๆ ครับ หรือบางทีไม่คิดว่าจะไปทันก็ทัน ไม่คิดว่าจะเจอก็เจอ

เช่น ภูเขาฟูจิ มีหนหนึ่งไปแล้วไม่เห็น เพราะเราขี้เกียจรอ ภูเขาไฟฟูจิ คนที่ไปไม่ได้เห็นกันทุกคนนะ ต้องดูช่วงเวลา บางทีต้องรอจนเมฆไปหมด ต้องไปช่วงกลางวัน หรือรอเวลาใกล้ๆ ค่ำ ถึงจะได้เห็น บางคนไปไม่ได้เห็นเพราะเมฆบังหมด หนต่อมาเราก็เลยไปอีก เราก็รอจนครึ่งวัน ก็ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอีกมุมหนึ่งที่สวย เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยไปกัน คือริมทะเล คราวนี้ได้เห็นหมดเลย สวยงาม เราก็ดีใจ ทุกสิ่งทุกอย่างบางทีเราก็ต้องรอ เพราะไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราคิดเสมอไป

 

Screenshot_20200530_234850

 

งานหลักคืออีเวนท์ พอโควิดมาก็ชะลอลง ตอนนี้่ก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว เราตั้งเป้าว่าทุกสามเดือนจะเที่ยวทีหนึ่ง ที่ดีใจมาก ช่วงโควิดทำให้มีงานใหม่ๆ เช่น เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหน้ากากผ้าปลอดเชื้อยางพารา มีรูปตัวเองอยู่บนกล่อง ได้ช่วยคนที่โรงงานปิดมาเย็บหน้ากากผ้าเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว 

หลังโควิดถ้าเขาเปิดให้เที่ยว จุดแรกที่จะไปคือกระบี่ ไปปีนผา พายแคนนู ตอนนี้ธรรมชาติงดงามมาก แต่อาจจะมีตัวอะไรเข้ามาหากินชายฝั่งใกล้ขึ้น เพราะคนห่างหายไปนาน