เปิดวาร์ป ‘อรุษ เอ่งฉ้วน’ ศิลปินไทยคนแรกที่ได้วาดปก ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’
ยิ่งกว่าฝัน...ความในใจและเส้นทางชีวิตสายติสท์ของ ‘อรุษ เอ่งฉ้วน’ ศิลปินหนุ่มไทยผู้ได้รับเลือกให้วาดภาพปกและภาพประกอบ 'แฮร์รี่ พอตเตอร์' ฉบับภาษาไทยใหม่ ที่แม้แต่ 'เจ.เค.โรวลิง' เห็นแล้วยังต้องรีทวิต
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ฉบับแปลเป็นภาษาไทยเล่มแรกจะมีอายุครบ 20 ปี ในเดือนกรกฎาคม 2563 นี้ สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ได้รับการติดต่อจาก The Blair Partnership ของ J. K. Rowling ให้สร้างสรรค์ภาพปกและภาพประกอบใหม่ทั้งหมดในเวอร์ชั่นภาษาไทย ทั้ง 7 เล่ม (ซึ่งต้นฉบับมีอายุ 23 ปี เจ.เค.โรว์ลิงเขียนไว้ปี 1995 ได้ตีพิมพ์เดือนมิ.ย. 1997 / พ.ศ.2540)
“บริษัทนานมีบุ๊คติดต่อผมมาว่ามีโปรเจคแฮรี่พอตเตอร์ ตามหาศิลปินกันอยู่ อยากส่งเราเป็นแคนดิเดท รวมกับศิลปินท่านอื่นไปให้เมืองนอกพิจารณา ผมก็รวบรวมงานมายื่นส่งให้เขาดู 2 เดือนผ่านไปได้คำตอบว่า เราได้รับคัดเลือก ก็ดีใจ ตื่นเต้น แรงกดดันเยอะ” อรุษ เอ่งฉ้วน ศิลปินหนุ่มวัย 28 เจ้าของเพจ Apolar ใน Facebook และ apolar.arch ใน Instagram พูดถึงความเป็นมาที่ได้มาวาดปกแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับภาษาไทย ให้ฟัง
- มาเป็นศิลปินวาดภาพได้อย่างไร
“ตอนที่ผมเรียนอยู่ปี 4 คณะสถาปัตย์จุฬาฯ ได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่เรียนจบจากโรงเรียนด้านศิลปะที่อเมริกาแล้วไปทำงานดิสนีย์ พิกซาร์ ทำให้ผมอยากจะไปเรียน visual development แต่ก็เรียนสถาปัตย์ให้จบก่อนตามความฝันคุณแม่แล้วก็ไปตามฝันตัวเอง ไปเรียนต่อปริญญาโทด้านอาร์ต เขาไม่สนใจว่าคุณจะเรียนจบมาเกรดอะไร เขาสนใจผลงานอย่างเดียว เป็นตัวตัดสินว่าเราจะได้ Job ไหม ตอนเรียนสถาปัตย์เราทิ้่งการวาดรูปไป 5 ปี ต้องกลับมาวาดใหม่ หัดดูยูทูบว่านักวาดมีใครบ้าง เราเบนโฟกัสจากสถาปนิกมาเป็นอาชีพนี้แล้ว ก็อยากทำ ทุ่มเทให้เต็มที่”
- การไปตามฝันที่อเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง
"ผมเป็นลูกคนเดียวใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่มาก อยากรู้ว่าเราจะอยู่ตัวคนเดียวได้ไหม ถ้าเราได้ไปทำสิ่งที่เรารักจริงๆ ทัศนคติเราจะเปลี่ยนไปไหม งานวาดเป็นสิ่งที่เรารัก คุ้นกับมัน เราจะกล้ามากขึ้น แรงเสียดทานของชีวิตมันลดลง เรามีความสุขมากขึ้นกับการทำงานแล้วเราก็อยู่คนเดียวได้ แต่บทเรียนที่ได้รับคือมันไม่ง่าย อัตราการแข่งขันมันสูงมากๆ ผมเลิกเทียบตัวเองกับคนใกล้ตัว ไปมองไอดอลที่ไกลตัวมากๆ ดูศิลปินนักวาดในวงการมีใครบ้างในระดับโลก แล้วก็ดูงาน คนนี้ดังเพราะอะไร มีงานชิ้นไหนเปรี้ยงๆ บ้าง แล้วศึกษาเขา
ที่ Academy of Art University มีเปิดสาขาเยอะ มีปริญญาโท ที่นั่นไม่ค่อยแคร์ดีกรีกัน เขาเรียนอาร์ตเพื่อไปทำงาน ส่วนมากจะปริญญาตรีหมด แต่เราต้องปริญญาโทเพราะประเทศไทยมองดีกรี สภาพสังคมเพื่อนในห้องก็ไม่ใช่มือหนึ่งมาจากประเทศของตัวเอง บางทีบ้านรวย มาเรียนเฉยๆ จะมีเด็กหลากหลายมาก ต่างจากสังคมที่จุฬาฯ ทุกคนถูกคัดกรองมา มีแบคกราวน์ตั้งใจเรียน บางคนทะเยอทะยานสูง แต่อยู่ที่โน่นไม่มีเลย มาเรียนไปอย่างนั้นๆ เราก็ไม่ได้แล้ว อยู่ในสังคมแบบนี้ไม่พัฒนาแน่นอน เราฝึกตัวเองหมดเลย ไปอยู่ที่โน่น ดูไอดอลของเรา พยายามเรียนรู้ กดดันตัวเอง ศึกษาศิลปินคนอื่น ทำให้เราพัฒนาเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ จะบอกตัวเองเสมอว่าเราไม่ใช่คนเก่ง เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นอีกหลายเท่าเพื่อที่จะมายืนตรงนั้น ถ้าเราทำเป็นสัก 10 สไตล์โอกาสที่เราจะได้งานมากขึ้นก็มี พอเราศึกษาอะไร รู้เข้าใจแก่น เราก็ไปศึกษาอันใหม่ เพราะเรายังไม่เจอสไตล์ไหนที่เราอยากจะอยู่กับมัน อย่าง สไตล์แฮร์รี่พอตเตอร์อาจจะเป็นสไตล์ที่เราอยากจะหยุดอยู่กับมันก็ได้ แต่ตอนนี้ยังสนุกกับการได้เจออะไรใหม่ๆ เราก็ลองไปเรื่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ก่อน"
- ผลงานก่อนหน้ามีอะไรบ้าง
“เคยออกแบบปกหนังสือ Tangled in Times ให้กับสำนักพิมพ์ Harper Collins Publishers ที่นิวยอร์ก และออกแบบปกหนังสือธรรมะ 20 กว่าเล่มให้วัดญาณเวศกวัน หลังเรียนจบต้นปี 2019 ผมทำงานที่ Electronic Arts (EA) เกือบปี เป็นหนึ่งในทีมเวิร์คที่พัฒนาเกม The Sims แล้วลาออกกลับมาเมืองไทย หลังได้รับโปรเจกต์ออกแบบภาพปกภาพประกอบหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะอยากทำให้ดีที่สุด นานมีให้เกียรติเราเป็นผู้ออกแบบหลักเลย ให้อิสระในการคิดเหมือนเป็นเจ้านายตัวเองในตอนคิดแบบ ตรวจแบบอะไรเอง ส่งให้นานมี แล้วก็ส่งให้เมืองนอกดูอีกทีว่าโอเคไหม”
- การทำงานในฐานะนักวาดปกแฮร์รี่ฯ คนไทยคนแรกเป็นอย่างไร
“เขาให้โจทย์มาว่า ต้องการให้เห็นวิวัฒนาการแฮร์รี่ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนถึงเล่ม 7 ให้เห็นว่าเขาโตขึ้นอย่างไร ส่วนเรื่องสี เล่มแรกสีสดใสได้นะ แต่สีต้องตามเรื่อง มันดาร์คขึ้น โตขึ้นตามแฮร์รี่ เขาบรีฟมาแค่นั้น แต่อิสระในการออกแบบให้เราเลย ผมเริ่มรีเสิร์ชปกแฮร์รี่บนโลกนี้มีมาแล้วกี่เวอร์ชั่น แต่ละเวอร์ชั่นมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร ปกที่คนชื่นชอบเดอะเบสท์คือปกประเทศไหน เราก็ไปดู ไม่ได้ต้องการจะแข่งขัน แต่ต้องการดูตลาด พออยากจะได้ดีเทล เราก็ศึกษา ค่อยๆ อ่าน สุดท้ายก็อ่านหมดทุกเล่มเลย”
- ทั้งอ่านหนังสือและดูหนังมาแล้ว ทำอย่างไรไม่ให้ภาพจำในหนังมามีอิทธิพลกับงาน
“ผมจะเอาสิ่งที่เจ.เค.โรวลิ่งถ่ายทอดเป็นตัวอักษรเป็นหลัก เช่น ผมหยิกยาว ตาปูดโปน ตาเพ้อฝัน ตาเหม่อลอยตลอด มีหลายอย่างที่ในหนังไม่ได้ถ่ายทอดไปตาม text เช่น ลูนาร์ในหนังผมขาวบลอนด์ แต่จริงๆ ต้องเป็นผมสีทองสกปรก ไม่ใช่บลอนด์แบบเดียวกับเดรโกที่เป็นบลอนด์ขาว ผมต้องคนละเฉดกัน ทางเมืองนอกบอกเลยว่าคุณห้ามถ่ายทอดอะไรก็ตามที่ได้อิทธิพลมาจากหนังนะ เพราะเป็นลิขสิทธิ์วอร์เนอร์บราเธอร์ ทุกอย่างเราให้อิสระคุณคิดค้นใหม่ ผมก็เสนออะไรที่มันใหม่มากๆ 70 เปอร์เซ็นต์ครีเอทใหม่ ที่เซนสิทีฟมากๆ คือปราสาทฮอกวอตต์ ในหนังติดตาคนดูมากๆ แต่ดีเทลเราดีไซน์ใหม่”
- ใช้เวลาทำนานแค่ไหน
"โปรเจคนี้ใช้เวลาทำ 10 กว่าเดือน กว่า 200 รูป เราพบสไตล์การวาดแบบใหม่ ตอนออกแบบปกหนึ่งจะเป็นรูปแบบหนึ่ง แต่พอเราทำไปถึงปกปลายๆ ก็ต้องกลับมาแก้หลายอย่างของปกหนึ่งเพราะรู้สึกว่าเราเริ่มจะเจอทิศทางที่มันชัดแล้วก็ต้องเคาะให้ทุกอย่างมันตรงกัน เป็นเรื่องราวเรื่องเดียวกัน เป็นหนังสือเซ็ทเดียวกัน ทุกอย่างต้องเป็นโลกเดียวกัน บางปกไม่ได้แก้เยอะ ปก 1-3 ไม่ค่อยได้แตะอะไร พอ 4-5-6-7 ผมเริ่มกดดันตัวเองมากขึ้นอีก
ตอนผมบินกลับมาเมืองไทยรอบแรกมาโปรโมท 3 ปกแรก ได้เห็นกระแสตอบรับ คนเริ่มชอบ เราก็คิดว่าจะทำให้กราฟมันขึ้นได้อย่างไร อยากทำให้คนรู้สึกน่าตื่นเต้น ยิ่งว้าวขึ้นไปอีก ก็ยิ่งเครียด งานทุกอย่างในเมืองไทยที่เป็นแฮร์รี่พอตเตอร์ต้องผ่านการอนุมัติจากเอเย่นต์ของเจ.เค.โรวลิ่ง เขาตรวจงานละเอียดมากจริงๆ กว่าจะผ่านได้ก็ยาก แต่ถ้าผ่านได้ก็การันตีว่าถูกต้องที่สุดแล้ว เช่น ดีเทลหน้าตัวละครในเล่ม 3 กับเล่มนี้มันต่างกันอยู่นิดหนึ่งนะ จมูกเขาสั้นไปนิดหนึ่งไหม"
- ทางต้นสังกัดเมื่อเห็นภาพแล้ว มีฟีดแบคอย่างไร
“เขาจะมีเว็บไซด์ออฟฟิศเชียล Wizarding World มีคอนเทนท์ที่ เจ.เค.เขียนแล้วก็มีทีมงานเขียน ทีมงานทำบทความเรื่องปกภาษาไทยไปลงในเว็บไซด์และทวิตเตอร์ เจเค.เห็นก็รีทวิตเลย ปกติเธอจะไม่ค่อยรีทวิตปกของประเทศต่างๆ ทีมงานทุกคนตื่นตกใจมาก ถือว่าเป็นเกียรติมาก ผมก็รู้สึกดีใจ แค่รับรู้ว่ามีเวอร์ชั่นเราอยู่ในคลังในสังกัดของเขาเราก็ปลื้มใจแล้ว เขาเป็นนักเขียนในดวงใจ แฮร์รี่พอตเตอร์ เป็นแรงบันดาลใจให้ผมหลายๆ อย่าง ลุกขึ้นมาวาดภาพ ผมเป็นแฟนคลับ แมรี กรองค์เปร์ (Mary GrandPré) นักวาดภาพปกแฮร์รี่ที่ผมอ่านและโตมาพร้อมๆ กัน เราอยากนำความประทับใจในวัยเด็กของเรามาถ่ายทอดลงในเวอร์ชั่นใหม่ เราเชื่อว่าจะมีเด็ก 9 ขวบเหมือนเราอีกมากมายจะได้เข้าสู่โลกเวทมนตร์ผ่านภาพของเราเหมือนกัน”
- ความรู้สึกกับผลงานครั้งนี้?
"ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ถ่ายทอดภาพเหล่านี้ ออกมาเป็นผลงานที่ฝากไว้ ภูมิใจได้ไปตลอดชีวิต เราได้สร้างผลงานผ่านแฟรนไชส์ที่เรารักมากๆ แล้วเป็นเรื่องระดับสากลที่ดังระดับโลกด้วย เราดีใจที่ได้ฝากผลงานชุดนี้ไว้ ไม่เสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ได้ฝากผลงานไว้ แฮร์รี่พอตเตอร์กระจายไปเยอะมาก เป็นสวนสนุก เป็นหนัง หลายๆ ภาค แต่จุดเริ่มต้นออริจินอลคือหนังสือ โลกเราจะก้าวไกลไปอย่างไร พอถึงจุดหนึ่ง ทุกคนก็จะกลับมาอ่านหนังสือ ซึ่งตอนนี้การอ่านจากหน้าจอมือถือก็เริ่มมีผลเสียกับสายตาแล้ว
ไม่เคยคิด ไม่ได้ตั้งใจ หรือคาดหวังมาก่อน เราไม่สนว่าจะสเกลไทยหรือสเกลเมืองนอก ผมเองก็เห็นปกแฮร์รี่ประเทศอื่นๆ มาก่อนเหมือนกัน แต่พอได้มาวาดประเทศของเราเองก็ดีใจมาก ตอนนี้คนแชร์กันไป แล้วเจ.เค. รีทวิต ว่ารับรู้แล้วนะ ผมว่ายิ่งกว่า... มันเกินกว่าฝันไปมาก"