‘รองเท้าแก้ว’ของ ‘แป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ’

‘รองเท้าแก้ว’ของ ‘แป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ’

มนุษย์ต้องมีอวัยวะครบ 32 จึงจะถือว่าสมบูรณ์ ทว่าสำหรับแฟชั่นนิสต้าสาว 'แป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ' มองว่า 'ต่างหู' และ 'รองเท้า' คืออวัยวะที่ 33 ช่วยเสริมความมั่นใจทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกจากบ้าน

แค่แต่งตัวธรรมดาๆ สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์แต่ต้องมี ‘รองเท้า’สวย ‘ต่างหู’ เด่น วันไหนไม่ได้สวมเสมือนพิการอวัยวะไม่ครบ แฟชั่นนิสต้าสาว แป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ กล่าวต่อไปว่า

1.

 “วันไหนลืมใส่ต่างหูเช่นกำลังรีบจะขับรถออกจากบ้าน อุ๊ยลืมใส่ต่างหู ก็ต้องลงจากรถกลับเข้าบ้านไปหาต่างหูมาใส่ก่อน หรือไม่ก็ต้องมีสำรองเอาไว้ในรถ คิดว่าเป็นความโรคจิตของตัวเองอย่างหนึ่ง (หัวเราะ) เพราะถ้าไม่มีจะรู้สึกไม่มั่นใจเลย ความจริงแป้งเรียนด้านศิลปศาสตร์ จากเอแบคไม่เกี่ยวกับธุรกิจ และแฟชั่น แต่ก็ชอบด้านนี้มาก เรียนจบก็เป็นทำงานเป็น AE บริษัทโฆษณา แล้วไปทำพีอาร์มาเก็ตติ้งให้บริษัทนำเข้านาฬิกา ทำงานได้ 2 ที่ ก็เริ่มมาเปิดร้านเสื้อผ้า Fifth Season อยู่ที่ชั้น 3 ตึกสยามสแควร์วัน (เปิดได้เกือบ 10 ปีแล้ว เดือนหน้าจะย้ายไปที่ทองหล่อ 13 ) เพราะว่าเป็นคนสนุกกับการแต่งตัว และเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว  พอเราซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับมาใส่คนชอบถามว่าสวยดีซื้อที่ไหน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากจะนำมาลองขาย ตอนนั้นก็ยังทำงานอยู่ จากที่ซื้อมาใช้เองก็ซื้อมาหลายๆชิ้นคนนั้นคนนี้ก็อยากได้ คนที่ชอบสไตล์เราก็เริ่มมาเป็นลูกค้า เริ่มจากเพื่อน แล้วกลายเป็นเพื่อนของเพื่อน แล้วก็ชวนกันไปเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่น”

สำหรับสาวคนนี้นอกจากเธอจะชื่นชอบเรื่องแฟชั่น แล้ว เมื่อ 5 ปีก่อนยังเปิดร้านขนมสไตล์ไต้หวันชื่อคิวคิว ดิเสิร์ท (QQ Dessert ) อีกด้วยนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความชอบของเธอ พูดถึงความนิยมในการเดินทาง ส่วนใหญ่สาวแป้งชอบเดินทางไปประเทศเกาหลี นอกจากชอบภูมิประเทศ อากาศแล้วยังชอบเสื้อผ้า เครื่องประดับสไตล์เกาหลีอีกด้วย

3.

“แป้งมองว่าเสื้อผ้าของเกาหลี คนไทยใส่ได้เพราะขนาดใกล้เคียงกับคนไทย อย่างแบรนด์ฝรั่ง ไซส์จะยาวมากเพราะตัวเขาสูงกว่าคนเอเซีย ถ้าซื้อมาก็ต้องเอามาตัด ปรับแต่ง แต่ไซส์เกาหลีเราไม่ต้องปรับอะไรเลย  แนวของแป้งจะไม่ใช้สไตล์เกาหลีหวานๆ จะเป็นแนวมิกซ์แอนด์แมชท์ เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กางเกงยีน แฟชั่นเปลี่ยนเร็วมาก บางที 3 อาทิตย์เราไปทีหนึ่งแฟชั่นเปลี่ยนแล้ว ของเขาเข้าทุกอาทิตย์ อย่างเราไปเดือนนี้ อีกเดือนแฟชั่นเปลี่ยนไปไม่ใช่สไตล์เราแล้วก็มี ก็สนุกดีแป้งชอบบินไปเลือกของเอง แป้งเดินทางไปกลับเกาหลี 10 ปีมาแล้ว เดือนละ 1 ครั้ง เลือกทั้งเอามาขายและเอามาใช้เอง”

              ‘ต่างหู’ ที่ชอบเปลี่ยนไปตามความนิยมส่วนตัว เคยชอบต่างหูใหญ่อลังการ ใส่แล้วโดดเด่น ใส่แล้วปัง แม้ว่าใส่แล้วเจ็บเพราะหนีบ บีบก็ต้องทนเพื่อความสวย พออายุขึ้นเลข 3 มีความรู้สึกว่าต้องการใส่ต่างหูแบบเบาสบาย ไม่ทนความหนักอีกต่อไปแล้ว

9.

              “เป็นคนที่ชอบต่างหูแบบห่วง มีเยอะมาก หลากหลายรูปแบบ บางคนบอกว่ามันก็ห่วงเหมือนกันไหม ? ไม่เหมือนนะในแต่ละห่วงก็มีความต่างกัน มีทั้งแบบราคาถูกไปจนถึงราคาแพง ส่วนมากจะซื้อแบบไม่แพงมากหายไปก็ไม่เสียดาย ชอบทำหายไปข้างหนึ่ง พอเราชอบใส่บ่อยก็กลายเป็นขายดี ส่วนรองเท้าเป็นอีกสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่แรกๆ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยยังใช้เงินคุณพ่อคุณแม่ ซื้อรองเท้าทุกอาทิตย์ แต่ก็ซื้อแบบไม่แพงมาก เปลี่ยนรองเท้าทุกวัน เพราะเราใส่ชุดนักศึกษาทุกวันมันซ้ำๆ เพื่อความสุขขอเปลี่ยนรองเท้าหน่อยเถอะ(หัวเราะ) พอทำงานเริ่มหาเงินได้เองก็เริ่มซื้อรองเท้าแบรนด์ ตอนนี้ที่ยังอยู่มีประมาณ 100 คู่ ช่วงทำงานแรกๆเงินครึ่งหนึ่งของแป้งอยู่ที่รองเท้าหมดเลยคะ พอเรามีทุกแบรนด์ที่อยากได้ก็สบายใจ ตอนนี้ย้ายมาอยู่คอนโดเพราะรอบ้านเสร็จ กลายเป็นว่ารองเท้าเยอะมาก เริ่มไม่มีที่เก็บ ก็เลยเริ่มรู้สึกว่า นี่เราทำอะไรลงไป(หัวเราะ)”

8.

              สมัยก่อนเธอสวมรองเท้าส้นสูง 6-7 นิ้ว ใส่ในชีวิตประจำวัน แบกของ ยกของ วิ่งไปทำงาน ใส่รองเท้าส้นสูงตลอด พอเริ่มอายุ 30 ไปจนถึง 32 เริ่มมีคำว่า “เมื่อย” และมีคำว่า “เฮ้ยขอไปเปลี่ยนรองเท้าก่อน”  ปัจจุบันนี้หากเป็นรองเท้าส้นสูงมากจริงๆ จะใส่เฉพาะก่อนเข้างานสังคม พฤติกรรมเปลี่ยนไปมากเริ่มสวมรองเท้าแตะขับรถ สาวแป้งคิดว่าหากตุ้มหูเป็นอวัยวะที่ 33 รองเท้าคงเป็นอวัยวะที่ 34 ของร่างกาย

              “แป้งว่าหากเราแต่งตัวเรียบๆแล้วสวมรองเท้าเก๋ๆ คือสวยมาก แต่ในทางกลับกันหากเราแต่งตัวดีมาก แล้วรองเท้าผิด แปลว่าวันนั้นชีวิตพังมากเลยนะ และแป้งไม่ชอบใส่รองเท้าแตะออกจากบ้าน ยกเว้นใส่เฉพาะตอนขับรถเท่านั้น ช่วงนี้ใส่รองเท้าไม่สูงมากแค่ 1-2 นิ้ว ลดระดับลงไปมาก แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับรองเท้าเหมือนเดิม”

4.

              ช่วงโควิด-19 สาวแป้งไม่ได้เดินทางไปเกาหลี 2 เดือนมาแล้วก็คงต้องยอมรับเงื่อนไขว่าเดินทางไม่ได้จริงๆ ช่วงนี้เธอแนะว่าจะทำอะไรต้องมีสติเพื่อเซฟตัวเอง เซฟคนรอบข้าง เธอเองไม่ได้กลัวตาย แต่เป็นห่วงคนรอบข้างมากกว่า เช่นคุณพ่อ แม่ หลาน ช่วงนี้ธุรกิจเสื้อผ้าแอบชะงักไปบ้าง ทว่าธุรกิจ ร้านขนมยังไปได้ดีเพราะอากาศร้อน เริ่มขายแบบเดลิเวอรี่ ไปก่อนหน้าโควิด-19 จะระบาดถือว่าโชคดีที่ได้ปูทางไว้ก่อนหน้านั้นสำหรับร้าน คิวคิว ดิเสิร์ท (QQ Dessert )ส่วนเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์เกาหลีแบบใหม่ๆของร้าน Fifth Season คงต้องรอน่านฟ้าของทั้งสองประเทศเปิดก่อน !!!