ไม่หวั่นโควิด-19! ‘ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์’ เตรียมเปิด 'ระเบียงการท่องเที่ยว'

ไม่หวั่นโควิด-19! ‘ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์’ เตรียมเปิด 'ระเบียงการท่องเที่ยว'

หลังจากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เริ่มวางแผนร่วมกันเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน

 

ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศดูเหมือนจะคลี่คลายลง โดยประเมินจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของหลายประเทศก็ยังไม่ไว้ใจและคงมาตรการที่เข้มงวดไว้เพื่อเป็นการป้องกันการกลับมาอีกของไวรัสชนิดนี้ 

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ เพราะนักท่องเที่ยวต่างยกเลิกแผนการท่องเที่ยว กักตัวเองอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อ แต่ละประเทศก็เข้มงวดการเข้าออก ว่ากันว่าหากสถานการณ์นี้คลี่คลายลง กว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเดินทางอีกก็คงต้องอีกระยะหนึ่ง

แต่ในขณะนี้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันได้เริ่มวางแผนที่จะริเริ่มโครงการการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้กลับมาท่องเที่ยวอีก หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้แล้วและผ่อนคลายมาตรการหลายข้อที่ออกมาเพื่อสะกัดกั้นไวรัสนี้ 

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว นิวซีแลนด์ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ 1,137 รายและผู้เสียชีวิต 20 ราย เริ่มอนุญาตให้ประชาชนกลับไปทำงานได้แล้ว บางส่วนของออสเตรเลียก็เริ่มผ่อนคลายระเบียบเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านและรวมกลุ่มเล็กๆ ได้ ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ 6,800 รายและเสียชีวิต 96 ราย ทั้ง 2 ประเทศมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา

โครงการนี้ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดมากนักจะทำให้เกิดการเปิดพรมแดนระหว่างกันเพื่อสร้าง ‘ระเบียงการท่องเที่ยว’ ร่วมกันนั่นเอง หากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ประชาชนที่เดินทางไปมาหาสู่กันก็ไม่ต้องกักกันตัวเอง 14 วัน

ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้ปิดชายแดนโดยสิ้นเชิงเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อรับมือกับโควิด 19 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายสก็อตต์ มอริสัน กล่าวว่า หากมีประเทศซักประเทศบนโลกนี้ที่เราจะกลับมาติดต่อเป็นประเทศแรก ประเทศนั้นคือ นิวซีแลนด์ อย่างไม่ต้องสงสัย ฝ่ายนายกรัฐมนตรี นางจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์กล่าวว่า "นั่นเป็นสิ่งที่นิวซีแลนด์ต้องการ แต่แน่นอนว่า เราต้องแน่ใจว่า เราสามารถจัดการกับไวรัสโควิด-19 นี้ได้ก่อนมีการเปิดพรมแดนอีกครั้งหนึ่ง” เธอกล่าวว่า เธอไม่ต้องการเปิดประเทศเร็วเกินไป นายมอริสันจะคุยเรื่องนี้กับนางจาซินดาในการประชุมระดับผู้นำเร็วๆ นี้

2 (8)

 

ขณะนี้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังคงมีข้อจำกัดในการเดินทาง รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศยังต้องกักตัวเอง 14 วันเพื่อรอดูอาการ ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า เดือนสิงหาคมน่าจะมีการเปิดพรมแดนอีกครั้งหนึ่งเพื่อรองรับฤดูเล่นสกีของนิวซีแลนด์และการปิดเทอมการศึกษาในเดือนกันยายน

ถึงแม้ว่า ทั้งสองประเทศซึ่งเป็นเกาะจะอยู่ห่างกันประมาณ 2,000 กิโลเมตรแต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางของแต่ละประเทศสามารถเดินทางไปอีกประเทศหนึ่งและทำงานโดยไม่ต้องใช้วีซ่า นอกจากนี้ 40 เปอร์เซ็นต์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในนิวซีแลนด์มาจากออสเตรเลีย รายได้หลักของนิวซีแลนด์มาจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สำหรับออสเตรเลีย 40 เปอร์เซ็นต์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาจากนิวซีแลนด์ ถึงแม้รายได้จากการท่องเที่ยวของออสเตรเลียจะอยู่ในอันดับ 4 แต่เม็ดเงินที่ได้ก็มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญเลยทีเดียว

ไซมอน เวสต์อะเวย์ ผู้อำนวยการบริหารของสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออสเตรเลียกล่าวสนับสนุนโครงการ ‘ระเบียงการท่องเที่ยว’ นี้ และว่านี่จะเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาสู่ออสเตรเลียได้ 

ส่วน คริส โรเบิร์ตส หัวหน้าฝ่ายบริหารการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์กล่าวว่า หากเราสามารถทำให้นักท่องเที่ยวออสเตรเลียกลับมานิวซีแลนด์ได้ นั่นหมายถึงรายได้และการสร้างงานจำนวนมาก สถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไป 1.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เขาก็คิดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียจะไม่กลับมาเหมือนเดิมเหมือนก่อนมีการระบาดเพราะคนออสเตรเลียน่าจะเลือกที่จะเที่ยวในประเทศก่อน

ในออสเตรเลีย บริษัททัวร์หลายแห่งมองไปที่นักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเคยมีจำนวน 15 เปอร์เซ็นต์ ของนักท่องเที่ยวแต่มีการใช้จ่ายถึง 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ เวสต์อะเวย์กล่าวว่า บริษัททัวร์ทั้งหลายต้องมีการปรับตัวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์ให้มามากขึ้น

โรเบิร์ตสและเวสต์อะเวย์ให้ความเห็นตรงกันว่า ระเบียงการท่องเที่ยวระหว่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะได้ผลต่อเมื่อนโยบายการกักตัว 14 วันถูกยกเลิกไป หากโครงการนี้ได้ผลอาจมีการขยายไปยังไต้หวัน ฮ่องกงและประเทศในแปซิฟิก แต่ก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป

สำหรับประเทศในแปซิฟิก การแพร่ระบาดของไวรัสมีน้อยมากจากการที่มีการปิดประเทศอย่างรวดเร็วและทันการณ์ ประเทศฟิจิซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดในภูมิภาคนี้ก็มีผู้ติดเชื้อเพียง 18 คนและไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนเกาะกวมซึ่งเป็นอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 140 คนและมีผู้เสียชีวิต 5 คน อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดนี้ก็กระทบการท่องเที่ยวของประเทศเหล่านี้อย่างมาก 

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านในแปซิฟิกไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสนี้ และสิ่งสุดท้ายที่เราอยากทำคือ นำประเทศเหล่านั้นมาเสี่ยง แต่ สตีเวน โฮเวสต์ ผู้อำนวยการของศูนย์นโยบายพัฒนา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ซึ่งตั้งอยู่ในแคนเบอร์รา กล่าวว่า หากระเบียงการท่องเที่ยวนี้ขยายมาที่ประเทศในแปซิฟิกบางประเทศก็จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศนั้นได้ 

อย่างไรก็ตาม โฮเวสต์กล่าวว่า หากประเทศใดจะเข้าร่วมก็ต้องด้วยความสมัครใจ และหากโครงการนี้ไม่ได้ผล ก็ต้องยกเลิก เขาบอกว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่น่าลองทำอย่างยิ่ง