ซึมเศร้าอย่างเข้าใจ ด้วยหนังสือ ‘ซึมเศร้า...เล่าได้’

ซึมเศร้าอย่างเข้าใจ ด้วยหนังสือ ‘ซึมเศร้า...เล่าได้’

รู้จักโรคซึมเศร้า โรคที่ไม่ใช่แค่พึ่งพายา แต่ต้องอาศัยเรื่องของหัวใจ

“อยากหายไปจากตรงนี้ ไม่ได้อยากตายหรอกนะ แค่ไม่อยากอยู่ตรงนี้ ไม่อยากทรมานอีกแล้ว…”

บางคนเคยรู้สึกแบบนี้ และคิดว่าคงรับมือกับห้วงเวลาแบบนี้ไหว เพราะเคยเป็นบ่อยแล้ว หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่ไม่เอะใจ รู้ตัวอีกทีเจ้าของประโยคนี้ ซึ่งอาจเป็นคนที่เรารักก็จากโลกนี้ไปแล้ว เพราะ โรคซึมเศร้า พรากเขาไปตลอดกาล

ช่วงไม่กี่ปีมานี้โรคซึมเศร้าถูกกล่าวถึงมากขึ้น ถี่ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวการจากไปของคนดังทั้งไทยและเทศจากโรคนี้ สำหรับบางคนผู้เคราะห์ร้ายคือญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงด้วยซ้ำ

แต่กระนั้นหลายคนก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจริงๆ แล้วโรคซึมเศร้าเป็นอย่างไร ทำไมปัจจุบันคนถึงได้ป่วยเป็นโรคนี้กันมากขึ้น ที่สำคัญคือ อายุของผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จนโรคซึมเศร้าได้ชื่อว่าเป็น ‘โรคแห่งศตวรรษที่ 21’ หรือ ‘โรคยุคดิจิทัล’

นี่คือคำถามที่หลายคนต้องการคำตอบ

• ใครเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากที่สุด

• ฉันรู้สึกหดหู่เหลือเกิน วันๆ ไม่อยากทำอะไรเลย นี่ฉันเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่านะ

• ถ้าสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าควรทำอย่างไรดี

• เพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าฉันควรทำอย่างไรถึงจะช่วยเพื่อนได้…สักนิดก็ยังดี

• โรคซึมเศร้ารักษาหายจริงไหม แล้วทำอย่างไรจึงจะไม่กลับมาเป็นซ้ำ

หนังสือ ซึมเศร้า…เล่าได้ จะพาคุณไปรู้จักและทำความเข้าใจโรคซึมเศร้า ผ่านการเดินทางของ ‘ฉัน’ กับเจ้าแมวดำหางขดที่ชื่อ ‘ตัวเศร้าซึม’ ตั้งแต่อาการบอกเหตุ การประเมินอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง หนทางการรักษา ตลอดจนการรับมือกับคนใกล้ตัวที่เป็นโรคนี้ด้วยภาพประกอบน่ารัก ภาษาอ่านง่าย เป็นมิตร พร้อมคำแนะนำที่ปฏิบัติได้จริง

หนังสือเล่มนี้เขียนโดย หลินอวี๋เหิง ที่มีคุณแม่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และขณะที่เธอหาข้อมูลเพื่อดูแลคุณแม่ เธอเองก็ถูกโรคซึมเศร้าเข้าโจมตีเช่นกัน โชคดีที่ไหวตัวไปพบจิตแพทย์ทัน เธอจึงเอาชนะโรคนี้ได้ เธอจึงอยากเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้เป็นเหมือนเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ทุกคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ ส่วนภาพประกอบน่ารักในเล่มวาดโดย ไป๋หลิน ซึ่งได้รับรางวัล Red Dot Design Award 2016 สาขาออกแบบนิเทศน์ศิลป์จากประเทศเยอรมนีด้วย

การตื่นนอนตอนเช้าเป็นเรื่องที่ยากมาก อยากซุกอยู่บนเตียง ไม่อยากคุยกับใคร รู้สึกไม่อยากอาหารแถมผอมลงมาก ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งน่าสนใจอีกต่อไปแล้ว ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้นอนหลับตอนกลางคืน แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ฉันรู้ดีว่าควรมีสติเพราะยังต้องทำงาน ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ แต่มันไม่มีทางจริงๆ ไม่มีทางที่อนาคตจะดีขึ้น

ที่ว่ามาคือตัวอย่างความคิดของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่อาการและสถานการณ์ที่ผู้ป่วยแต่ละคนพบเจอก็แตกต่างกันไป นอกจากจะเล่าที่มาที่ไปของโรคซึมเศร้าและย่อยข้อมูลวิชาการให้อ่านเข้าใจง่ายแล้ว ยังมีเช็คลิสต์สังเกตอาการด้วยว่าเราเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าไหม ถ้าคุณมี 5 อาการขึ้นไปใน 9 อาการนี้ อาจมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย

1. รู้สึกเศร้าหมองเกือบตลอดทั้งวัน

2. ขาดความสนใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

3. น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. นอนไม่หลับ

5. รู้สึกตื่นเต้นหรือเอื่อยเฉื่อยมากเกินไป

6. รู้สึกเหนื่อยล้าหรือไม่มีแรง

7. รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าหรือรู้สึกผิดมากเกินไป

8. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการจดจ่อลดน้อยลงหรือเกิดความลังเลใจได้ง่าย

9. คิดถึงความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตายจนถึงขั้นวางแผนฆ่าตัวตาย

นอกจากวิธีสังเกตอาการเบื้องต้นและเช็คลิสต์แล้ว เนื้อหาภายในเล่มยังมีข้อมูลสถานรักษาและบุคลากรต่างๆ ที่จะช่วยให้คำปรึกษาและดูแลผู้ป่วย มีตัวอย่างเคสผู้ป่วยในวัยต่างๆ วิธีเยียวยาด้วยตัวเองที่ได้ผล รวมทั้งมีตัวอย่างคนดังของโลกหลายคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ว่าจะเป็น เจ.เค. โรว์ลิ่ง, แอนน์ แฮททาเวย์, บียอนเซ โนวส์, วินสตัน เชอร์ชิลล์ และ อับราฮัม ลินคอร์น เป็นต้น เขาและเธอเหล่านี้ผ่านฝันร้ายและอยู่ร่วมกับโรคซึมเศร้าได้อย่างไร ในหนังสือเล่มนี้มีคำตอบ

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศใด วัยไหน เป็นคนที่อยากรู้จักโรคซึมเศร้าเพื่อทำความเข้าใจ เป็นคนที่สงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายป่วยหรือเปล่า เป็นคนที่มีคนรอบตัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแล้วอยากรู้วิธีดูแลเขา อ่านหนังสือ ‘ซึมเศร้า…เล่าได้’ เพื่อรู้เท่าทัน และช่วยเหลือคนที่เรารักอย่างทันท่วงที