จีนเกิดกระแส ‘ล่าแม่มด’ ไล่คนดังสัญชาติอื่นออกจากประเทศช่วง 'COVID-19'

จีนเกิดกระแส ‘ล่าแม่มด’ ไล่คนดังสัญชาติอื่นออกจากประเทศช่วง 'COVID-19'

กระแสชาตินิยมในจีนพุ่งขึ้นช่วงที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ‘โควิด-19’ ส่งผลให้เหล่าคนดังที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติอย่าง เหยาหมิง, หลิวอี้เฟย, คริสวู ตกเป็น ‘แพะรับบาป’ ถูกไล่ออกนอกประเทศด้วยข้อกล่าวหาว่าไม่ใช่คนจีนแท้ ๆ

หนังสือพิมพ์ เซาธ์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ รายงานว่าขณะนี้เกิดกระแส ‘ล่าแม่มด’ ขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งพุ่งเป้าเล่นงานคนดังชาวจีนที่ถือ 2 สัญชาติว่าไม่ใช่คนจีนแท้ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกระแสชาตินิยมที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดหลังจากที่ประเทศจีนต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส ‘COVID-19’

 

รายงานข่าวระบุว่าเหล่าคนดังทั้งในแวดวงกีฬา และแวดวงบันเทิงอย่าง เหยาหมิง นักบาสชื่อดัง, หลิวอี้เฟย นักแสดงสาวผู้รับบท ‘ฮัวมู่หลาน’, คริสวู นักร้องนักแสดงหนุ่มชื่อดัง, ผู้กำกับ เฉิน ข่ายเกอ ฯลฯ กำลังถูกโจมตีว่าไม่รักชาติ พร้อมขับให้ออกจากประเทศ จนมีหลายคนต้องออกมาประกาศตัวว่าพวกเขาถือสัญชาติจีน และเป็นคนจีนแท้

 

หนึ่งในคนที่ออกมาแก้ข่าวคือ เจ้า เปิ่นซาน Zhao Benshan เจ้าของธุรกิจโชว์บิซ ที่ออกมาประกาศว่าตัวเขาไม่เคยอพยพไปอยู่ประเทศแคนาดาดังเช่นที่มีข่าวออกมา “มันเป็นเฟคนิวส์ คนในครอบครัวของผมทุกคนมีทะเบียนบ้านอยู่ที่เหลียวหนิง”

 

66605767_2296830567065900_5241542027492982784_o

 

คริสตัล หลิว หรือ หลิวอี้เฟย นักแสดงสาวชื่อดังที่กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกหลังได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Mulan ฉบับ live action ของดิสนีย์ ก็เป็นอีกคนที่ออกมาปกป้องตัวเองว่าเธอเป็นคนจีนแท้ ๆ โดยหลิวอี้เฟยเกิดในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปี 2530 ก่อนจะตามมารดาที่ย้ายไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลังหย่าขาดจากสามีตอนที่เธอมีอายุเพียง 9 ขวบ หลังจากนั้น มารดาของหลิวอี้เฟยได้แต่งงานใหม่กับคนจีนในอเมริกาทำให้หลิวอี้เฟยต้องเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกันเพื่อเข้าเรียน และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น

 

ด้วยความที่จีนและอเมริกามีเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่ตลอดทำให้การถือสัญชาติอเมริกันของหลิวอี้เฟยกลายมาเป็นจุดที่ทำให้เธอถูกโจมตี หลังจากที่เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง รวมไปถึงตอนที่เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่างชาติว่า ‘ภูมิใจที่เป็นคนเอเชีย’ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ Mulan รอบปฐมทัศน์โลกที่ลอสแองเจลีส โดยคนจีนไม่พอใจที่เธอไม่บอกว่าเป็น ‘คนจีน’ แต่กลับบอกว่าตัวเองเป็น ‘คนเอเชีย’

 

โดยชาวเน็ตคนหนึ่งวิพากษณ์วิจารณ์หลิวอี้เฟยเอาไว้ว่า “ถึงแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนสัญชาติไปแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นชาวจีนโพ้นทะเลอยู่ แต่เธอกลับบอกว่าตัวเองเป็นคนเอเชีย เธอไม่ต้องการรู้รากเหง้าของตัวเองหรือ”

 

ขณะที่อีกคนกล่าวว่า “หนังที่เธอเล่น (Mulan) มาจากวรรณกรรมคลาสสิกที่สุดเรื่องหนึ่งของจีน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา แม้ว่าเธอจะอพยพไปอยู่อเมริกามาหลายปีมากแล้ว แต่อาชีพส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่จีน พฤติกรรมของเธอถือเป็นการไม่สำนึกในบุญคุณของแผ่นดินเกิดเลย”

 

ทั้งนี้ เซาธ์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ รายงานว่ากระแสโจมตีคนดังเชื้อชาติจีนที่ถือสัญชาติอื่นเกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการกิจการวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติประกาศกฎใหม่ในวงการบันเทิง หนึ่งในนั้นคือการแสดงความเป็นห่วงเรื่องที่มีการให้คนถือพาสปอร์ตต่างชาติ รวมถึงพาสปอร์ตฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ออกหน้าจอ รวมไปถึงมีส่วนร่วมในโปรดักชั่นหลักต่าง ๆ ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนหนึ่ง รวมไปถึงสื่อแทบลอยด์หลายสื่อที่ตีความไปว่าเป็นการแบนคนที่ไม่ได้มีสัญชาติเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในโปรดักชั่นต่าง ๆ ของวงการบันเทิงจีน

 

เมื่อข่าวเรื่องการออกกฎระเบียบข้อนี้แพร่ออกไปจึงเกิดกระแส ‘ล่าแม่มด’ เพื่อตามหาคนดังชาวจีนที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติกันขึ้นมา โดยในวันที่ 23 มีนาคม ได้มี ‘รายชื่อดาราที่เป็นผู้อพยพ’ ปรากฎขึ้นออนไลน์ มีการให้รายชื่อคนดังที่ถือสัญชาติอื่น รวมถึง ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ออกมา ซึ่งก็มีตั้งแต่ กงลี่ นักแสดงหญิงชื่อดัง (เปลี่ยนสัญชาติตามสามีชาวสิงคโปร์), หลี่เหลียนเจี๋ย (สัญชาติสิงคโปร์), ผู้กำกับ เฉิน ข่ายเกอ (สัญชาติสหรัฐ), เซียะถิงฟง นักร้องฮ่องกง (สัญชาติแคนาดา), นักแสดงสาวชาวฮ่องกง จางป๋อจือ (สัญชาติออสเตรเลีย), จ้าวเหว่ย (สัญชาติสิงคโปร์) อู๋ อี้ฟาน นักร้องนักแสดงหนุ่มขวัญใจวัยรุ่น (สัญชาติแคนาดา, ซีฉิน เกาหว๋า นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ (สัญชาติสวิส)

19025059_1370026226385754_5182295566751995989_o

kris

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดกระแส ‘ล่าแม่มด’ ขึ้นก็มีผู้เชี่ยวชาญในวงการบันเทิงออกมาแสดงความเห็นว่าการตีความกฎระเบียบดังกล่าวว่าเป็นการแบนนักร้องนักแสดงที่ถือสัญชาติอื่นนั้นเป็นการตีความที่ผิด โดยมองข้ามคำว่า unsavoury ที่เขียนเอาไว้ในกฎระเบียบของทางการ ซึ่งคำนี้หมายความถึงชาวจีนโพ้นทะเลที่ ‘การกระทำที่ไม่เหมาะสม’ ต่างหาก

 

รายงานข่าวระบุด้วยว่าเวลามีการสร้างหนัง ละคร หรือถ่ายรายการในประเทศจีน รัฐบาลจะขอให้ฝ่ายโปรดักชั่นส่งมอบรายชื่อชาวจีนที่ถือสัญชาติอื่นในกองนั้น ๆ มาให้พิจารณาเป็นเรื่องปรกติ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่กระทำมาเป็นเวลานานอยู่แล้ว