สวยสู้เผด็จการของสาว'เกาหลีเหนือ'

สวยสู้เผด็จการของสาว'เกาหลีเหนือ'

ในเกาหลีเหนือทาลิปสติกสีแดงไม่ได้เลย สีแดงเป็นสีของทุนนิยม

นารา คัง นักแสดงเปี่ยมฝันทาลิปสติกสีแดงคอรัล ปัดบลัชออนส้มเบาๆ บนพวงแก้ม กลิตเตอร์ขาวระยิบระยับใต้ตาล่างขณะเธอโคลงศีรษะใต้แสงไฟ คังไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลยที่บ้านเกิดในเมืองชองจิน จ.ฮัมกย็องเหนือ ในแดนโสมแดง

 

“ในเกาหลีเหนือทาลิปสติกสีแดงไม่ได้เลย สีแดงเป็นสีของทุนนิยม นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่สังคมเกาหลีเหนือไม่ยอมให้คุณใช้สีนี้”

 

ตอนนี้คัง วัย 22 ปี อาศัยอยู่ในกรุงโซล เกาหลีใต้ เธอหนีจากเกาหลีเหนือเมื่อปี 2558 ให้พ้นจากรัฐบาลที่เข้มงวดกับเสรีภาพส่วนบุคคลของเธอ จะสวมอะไรจะมัดผมแบบไหนก็วุ่นวายไปหมด

 

คนส่วนใหญ่ในบ้านเกิดของคังได้รับอนุญาตให้ใช้ลิปทินต์บางๆ เท่านั้น มากสุดก็แค่สีชมพู ไม่เคยมีใครใช้สีแดง ผมยาวต้องรวบหรือถักให้เรียบร้อย

IMG_9976

คังต้องเดินในตรอกเล็กๆ แทนที่จะออกถนนใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่พบ“Gyuchaldae” หรือสายตรวจแฟชั่น

 

“เวลาฉันแต่งหน้า คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านจะพูดว่าฉันเป็นคนสารเลวแปดเปื้อนทุนนิยม สายตรวจแฟชั่นมีทุกๆ 10 เมตร คอยตรวจตราการแต่งกายของผู้คน” คังระลึกถึงเรื่องราวในมาตุภูมิ

 

“เราไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเครื่องประดับแบบนี้หรอก” เธอกล่าวโดยชี้ให้ดูแหวนและสร้อยข้อมือเงิน “แม้แต่ย้อมผมหรือแต่งตัวแบบนี้ก็ทำไม่ได้”

 

ผู้แปรพักตร์ 2 คนที่หนีรัฐบาลเปียงยางระหว่างปี 2553-2558 เผยกับซีเอ็นเอ็นว่า การสวมเสื้อผ้าที่ถูกมองว่า เป็นตะวันตกมากเกินไป เช่น มินิสเกิร์ต เสื้อยืดสกรีนข้อความภาษาอังกฤษ และยีนส์รัดรูป อาจถูกลงโทษปรับเล็กน้อย ถูกสังคมหยามเหยียด หรือถูกลงโทษ โดยระเบียบแตกต่างกันไปในแต่ละเขต และขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ด้วย ผู้กระทำความผิดบางคนถูกสั่งให้ยืนกลางสี่แยกฟังคำบริภาษรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ บ้างก็ถูกสั่งให้ทำงานหนัก

 

“ผู้หญิงหลายคนถูกครอบครัว โรงเรียน องค์กร แนะนำให้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดูใสๆ” นัม ซุงวุก อาจารย์ด้านเกาหลีเหนือศึกษา มหาวิทยาลัยเกาหลีอธิบาย

 

แม้พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในรัฐที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่คังบอกว่า เธอและชาวเกาหลีเหนือรุ่นมิลเลนเนียลคนอื่นๆ ก็ติดตามเทรนด์แฟชั่นจากโลกภายนอกอยู่เสมอ ซึ่งไม่ยากเลยถ้ารู้จักที่

 

นั่นคือที่ “จังมาดัง”ที่แปลว่า ตลาด ขายทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ผลไม้ เสื้อผ้า ไปจนถึงสินค้าในครัวเรือน ตลาดเฟื่องฟูขึ้นช่วงที่ประเทศเกิดภาวะอดอยากครั้งใหญ่ในทศวรรษ 90 ประชาชนตระหนักว่า พึ่งพาการปันส่วนจากรัฐไม่ได้แล้ว

IMG_9975

ถึงวันนี้ชาวโสมแดงหลายคน ก็ยังไปตลาดเพื่อซื้อหาข้าวของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเป็นแหล่งสินค้าผิดกฎหมายด้วย เนื้อหาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ มิวสิควีดิโอ ละครประโลมโลกย์ ถูกก็อปปีใส่ยูเอสบีไดรฟ์ แผ่นซีดี หรือเอสดีการ์ดในเกาหลีใต้หรือจีน จากนั้นลักลอบนำเข้ามายังเกาหลีเหนือ องค์กรสิทธิมนุษยชนก็ใช้วิธีนี้ส่งข้อมูลท้าทายรัฐบาลเปียงยาง

 

“สาวๆ เกาหลีเหนือในเมืองกำลังรับวัฒนธรรมจากโลกภายนอก ส่งผลไปถึงเทรนด์แฟชั่น ทรงผม และมาตรฐานความงานในแดนโสมแดง ถ้าสาวๆ ดูรายการทีวีจากเกาหลีใต้ ก็อาจจะอยากเปลี่ยนทรงผมหรือเสื้อผ้าให้เป็นแบบพวกเขา” ปัก โซคีล ผู้อำนวยการกลุ่มลิเบอร์ตี ศึกษาวิจัยสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือกล่าว

 

สำหรับจู ยัง ผู้แปรพักตร์ที่หนีออกจากเกาหลีเหนือในปี 2553 ตอนนี้เป็นนักออกแบบเครืื่องประดับเล่าว่า เธอกับเพื่อนๆ เคยไปตลาดจังมาดังเพื่อซื้อยูเอสบีบันทึกภาพยนตร์และมิวสิควีดิโอดังจากเกาหลีใต้

 

ที่นั่นแม่ค้าจะพูดด้วยสำเนียงเพื่อนบ้านทางใต้เพื่อดึงดูดความสนใจหญิงสาวที่รู้จักวัฒนธรรมเกาหลีใต้ บางครั้งแม่ค้าพาลูกค้าไปที่บ้านที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องสำอางแต่เครื่องสำอางเกาหลีใต้หรือจีน เมื่อมาขายในเกาหลีเหนือราคาจะแพงขึ้น 2-3 เท่า ยังต้องใช้เงินค่าข้าว 2 สัปดาห์จึงจะซื้อมาสคาราหรือลิปสติกเกาหลีใต้ได้สักแท่ง เธอเรียกคนรุ่นนี้ที่นิยมไปช้อปที่ตลาดว่า “คนรุ่นจังมาดัง”

ยังมองว่า สไตล์ของผู้หญิงเกาหลีเหนือค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามซีรีย์เกาหลีใต้

 

ในแดนโสมแดงแม้มีเครื่องสำอางที่ผลิตได้เองในประเทศ แต่ไม่หลากหลายเท่าแบรนด์ต่างประเทศ ปักกล่าวว่า คนที่ใช้เครื่องสำอางลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ใช่แค่ทดลองหาความเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น แต่ยังพยายามผลักดันขอบเขตที่สังคมเกาหลีเหนือยอมรับได้

 

ทั้งยังและนารา คัง กล่าวว่า ในเกาหลีใต้ทั้งคู่สามารถแสดงความเป็นตัวตนได้ในแบบที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ทำมาก่อน

 

“ครั้งแรกที่ฉันเข้าร้านเครื่องสำอางเกาหลีใต้ สาบานได้เลยฉันคิดว่าเข้าร้านของเล่นเกาหลีเหนือ เพราะมีสินค้าสารพัดสีอย่างกะของเล่น” คังเล่าถึงอดีตพร้อมย้ำ

 

“สำหรับฉัน ความสวยคือเสรีภาพ ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของความสวยของตนเองได้มากขึ้น”

 

ส่วนยังเล่าว่าเพื่อนของเธอหลายคนในเกาหลีเหนือ รู้สึกโกรธแค้นที่แต่งกายตามที่ต้องการไม่ได้

“เราถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือล้างสมอง เรายังชอบท่านผู้นำอยู่นะ แต่ความอยากสวยนี่มันอีกเรื่องนึง ความโกรธขึ้งเริ่มสั่งสมในตัวคุณ เกิดคำถามว่าทำไมฉันแต่งแบบนั้นไม่ได้”

 

สำหรับปักที่ศึกษาผู้แปรพักตร์ที่เพิ่งมาถึงเกาหลีใต้หลายชิ้น คาดการณ์ว่า ความงามสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมโสมแดงได้มากขึ้น รัฐบาลเริ่มตระหนักแล้วว่า คนรุ่นใหม่เป็นขบถต่อวัฒนธรรมที่รัฐเห็นชอบ สิ่งนี้กำลังผลักดันรัฐบาลให้ยอมผ่อนปรนบ้างเพื่อรักษาอำนาจของตนไว้

 

“ความเปลี่ยนแปลงนี้บีบให้รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่า รัฐบาลจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือแค่ลองยอมๆ แล้วก็กำราบ”

++++++++++++++++

แปลและเรียบเรียงจาก CNN