วงการบันเทิงโลกเมื่อ Covid-19 แพร่กระจาย

สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้กัดกินไปทั่วทุกวงการรวมถึงวงการภาพยนตร์ระดับโลกด้วย โดยทำให้ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต รายการโทรทัศน์ และละครเวทีต้องยกเลิกหรือเลื่อนออกไป

ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง The New Mutants และ Antlers ที่ถูกเลื่อนวันฉาย แต่ทางดิสนีย์ก็บอกว่ายังคงตั้งเป้าที่จะเข้าฉายในปีนี้ ส่วน The Secret Garden ที่นำแสดงโดย โคลิน เฟิร์ธ และจูลี วอลเตอร์ ก็เลื่อนกำหนดออกฉายจากเดือนเมษายนไปเป็นเดือนสิงหาคมแทน

รวมถึงงานประกาศผลรางวัล The Golden Raspberry Awards หรือที่รู้จักกันในชื่อราซซีอวอร์ด ที่จะมอบรางวัลยอดแย่ให้กับนักแสดงและภาพยนตร์ก็ต้องหยุดจัดงาน ถึงอย่างนั้น จะยังมีการประกาศรายชื่อของผู้ได้รับรางวัลโดยไม่มีการจัดงานใดๆ

ล่าสุด ยอดผู้เข้าชมภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกร่วงลงอย่างมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากผลของการแพร่ระบาดของโรค

รายได้ของบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาเหนือลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองทศวรรษ เนื่องจากผู้คนเริ่มไม่เข้าโรงภาพยนตร์มากขึ้น โดยยอดรวมรายได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมในอเมริกาและแคนาดามีแค่ประมาณ 55.3 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นรายได้ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2000 และตกลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น 45 เปอร์เซ็นต์ โดย Onward ทำรายได้ลดลงมากที่สุดถึง 73.1 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ทั้งหมด 10.53 ล้านดอลลาร์

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่งได้ปิดทำการทั่วประเทศ โดยเฉพาะในนิวยอร์กและลอสแองเจลีส สองเมืองใหญ่ที่สุดในอเมริกาได้รับคำสั่งจากนายกเทศมนตรีให้ปิดโรงภาพยนตร์ทั้งหมด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปกป้องสุขภาพของประชาชน

นอกจากนี้ยังรวมถึงการเลื่อนฉายภาพยนตร์หลักเกือบทุกเรื่องที่จะออกฉายในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน หมายความว่า ถึงแม้โรงภาพยนตร์จะยังเปิดอยู่ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกจะสูญเสียรายได้ไปราว 5 พันล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับกองถ่ายของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ชื่อดังหลายเรื่องที่ถูกระงับชั่วคราว เช่น Batman The Little Mermaid และ Stranger Things

รายงานข่าวจาก Deadline ระบุว่า เมืองนิวยอร์กตอนนี้ถือเป็นอันดับสองของเมืองที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสมากที่สุดในอเมริกา โดยบ็อกซ์ออฟฟิสในนิวยอร์กทำรายได้ตกลงไป 64 เปอร์เซ็นต์จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ลอสแองเจลีสทำรายได้ตกลงไป 55 เปอร์เซ็นต์

 

 

มาตรการเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้ถูกนำมาใช้ในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่งอย่าง Regal และ AMC รวมถึงการจำกัดการเข้าร่วมและการทำความสะอาดอย่างละเอียดก็มีส่วนทำให้ผู้ชมลดลงด้วยเช่นกัน

นอกจากภาพยนตร์หลายเรื่อง เทศกาลภาพยนตร์ที่ยกเลิกและเลื่อนการฉายออกไป ยังรวมไปถึงพิพิธภัณฑ์หลักๆ และสวนสนุกที่ปิดประตูงดใช้บริการ เช่นเดียวกันกับคอนเสิร์ตอย่างของ เอลตัน จอห์น ที่กำหนดเดิมคือวันที่ 26 มีนาคมถึง 2 พฤษภาคม ก็ต้องเลื่อนออกไปโดยยังไม่ได้กำหนด

เช่นเดียวกับเทศกาลอย่าง South by Southwest ในออสติน รัฐเท็กซัส และเทศกาลภาพยนตร์ไทรเบคกา ที่เคยได้รับกำหนดว่าจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่เมืองนิวยอร์กก็ถูกเลื่อนออกไปด้วย

แต่หลายค่ายภาพยนตร์ต่างก็กำลังหาทางออกให้ตัวเอง อย่างเช่น ล่าสุดค่ายยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์ได้ออกมาประกาศว่า จะให้ภาพยนตร์สามเรื่องคือ ‘The Invisible Man’ ‘The Hunt’ และ Emma ถูกส่งตรงไปยังบริการสตรีมมิ่งเร็วขึ้น

โดยหนังทั้งสามเรื่องจะให้บริการภายในวันที่ 20 มีนาคม ทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ

 

 

เจฟฟ์ เชลล์ ผู้บริหารของ NBCUniversal ได้แถลงกับสื่อว่า

“ทางยูนิเวอร์แซลได้กระจายการเข้าถึงหนังในปี 2020 ให้กว้างและหลากหลายมากขึ้น แทนที่จะออกฉายล่าช้ากว่ากำหนดหรือปล่อยไปแบบนี้ เราอยากเสนอทางเลือกให้ผู้คนได้ชมหนังเหล่านี้จากที่บ้าน ซึ่งทั้งเข้าถึงง่ายและอยู่ในราคาที่จ่ายได้”

“เรายังคงหวังและเชื่อว่า ผู้คนจะยังไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ที่ยังเปิดทำการ แต่เราก็เข้าใจคนที่อยู่ในหลากหลายพื้นที่ของโลกที่ไม่สามารถทำได้ด้วย”

นอกจากนี้ หนังเรื่อง Trolls World Tour ของค่ายยูนิเวอร์แซล/ดรีมเวิร์คส แอนิเมชัน ซึ่งเดิมมีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 10 เมษายน จะปล่อยมาในบริการสตรีมมิงให้ดูที่บ้านได้ในวันเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้ในแถบอเมริกาเหนือจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง แต่จากกรณีที่จำนวนผู้ป่วยลดลงในจีน ทำให้โรงภาพยนตร์ในประเทศจีนอาจเตรียมตัวเปิดทำการอีกครั้งในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับวันหยุดวันแรงงาน

แต่ในสถานการณ์ที่ยังเลวร้ายทั่วโลกแบบนี้ การหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดอย่างโรงภาพยนตร์ก็น่าจะเป็นอีกหนทางป้องกันตัวเอง