ต่างหูสุดรัก เอิร์น-ณัชชา

ต่างหูสุดรัก เอิร์น-ณัชชา

ศิลปะการแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล บางคนชอบกางเกงยีนส์ บางคนชอบสวมเดรส มีกำไล ประดับนาฬิกาฝังเพชร ฯลฯ ทว่าเธอคนนี้ต้องมี "ต่างหู" คู่ใจ ชอบมากซื้อเก็บไว้เรียงรายในตู้โชว์ราวกับร้านขายต่างหูก็ไม่ปาน

1.

เธอว่า หากไม่มีต่างหู เหมือนคนไม่ได้แต่งหน้า ไม่มีขนตาแล้วหน้าไม่ Complete (สมบูรณ์) แต่งตัวออกจากบ้านไม่ค่อยใส่ก่อนแต่งงานแล้วมีลูกจะใส่เครื่องประดับเยอะทั้ง นาฬิกา แหวน ต่างหู สร้อยคอ พอมีลูกเหลือสิ่งที่รักที่สุดอย่างเดียวคือ “ต่างหู”

14

นั่นคือ เอิร์น-ณัชชา เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง (เอิร์น-จิรวรรณ เตชะหรูวิจิตร) เธอสะสมต่างหูไว้มากมายเกิน 500 คู่มีตู้เก็บเรียบร้อยสวยงามราวกับเป็นร้านขายเครื่องประดับก็ไม่ปาน  วันนี้เรานัดกันที่โรงแรมเอเซีย ราชเทวี กิจการของคุณพ่อ-คุณแม่ของคุณเอิร์น

10

                “รักต่างหูทุกคู่แต่วันนี้คว้ามาให้ดูเท่าที่จะคว้าได้เพราะรีบออกจากบ้าน (หัวเราะ) พอมีลูกเราก็จะไม่ค่อยใส่แหวนเลยเพราะล้างมือบ่อยกลัวลืม ไหนจะสัมภาระลูกอีก นาฬิกาไม่ใส่เลยเพราะต้องอุ้มลูก สิ่งที่ใส่ได้คือต่างหู หลังจากนั้นมีต่างหูเยอะมากเพราะเราใส่ทุกวัน ต้องเลือกแบบที่เข้ากับชุด มีทั้งต่างหูแนวหวานๆ แนวคริสตัล แนวเท่ๆผ้ายีนส์ก็มี ไข่มุกก็มี เป็นโรคจิตอย่างหนึ่งเห็นต่างหูลายน้องหมาไม่ได้ บางทีซื้อมาก็ไม่ค่อยได้ใส่หรอก เพราะมันจะโดดออกมาจากชุด แต่เห็นแล้วต้องซื้อเอามานั่งเปิดดูความน่ารัก คู่นี้ซื้อมาจากร้านที่ขายในไอจี”

15

                เป็นเพราะเธอรักน้องหมามาก เมื่อ 20 ปีก่อนเริ่มเลี้ยงตัวแรกตอนเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ (อายุ 16 ปี) ตอนเด็กเคยโดนสุนัขกัดเลยกลัวฝังใจ พอโตขึ้นรู้สึกชอบน้องหมาพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (ชื่อไอเฟล)

                “ตั้งแต่มีไอเฟลไม่ไปต่างประเทศเลย ก่อนหน้านั้นพี่ชายเรียนอยู่อเมริกาปิดเทอมเราไปเยี่ยมพี่ชายทุกปี ทั้งเราทั้งพ่อทั้งแม่อดไปต่างประเทศเพราะรักเขา(น้องหมา)นี่แหละ พอไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดเขาไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงไป พอกลับมาไอเฟลตาลึกโบ๋เพราะไม่ได้นอน เห็นแล้วสงสารจับใจ พี่เลี้ยงบอกว่าไม่นอนเลยปกติเขาจะนอนกลางวันด้วยก็ไม่นอน เฝ้าอยู่หน้าประตูข้าวก็ไม่ยอมกิน เหมือนคนตรอมใจ ตั้งแต่นั้นมาเราไม่เคยทิ้งเขาไปไหนเลย”

6.

                หลังจากเล่าถึงน้องหมาสนุกสนาน อาบน้ำแปรงฟัน หวีขนให้สุนัขเอง เพราะตอนหลังหาสุนัขตัวเมียมาเลี้ยงอีก 1 ตัว ชื่อไอวี่ ได้ทำคลอดลูกสุนัขทั้ง 5 ด้วยตัวเอง จึงรักและผูกพันมาก วันที่ไอเฟลตายร้องไห้เกิน 7 วันจนสามี(ดวงฤทธิ์)เริ่มไม่เข้าใจ (หัวเราะ)

8.

                “ต่างหูคู่ที่รักที่สุดก็จะเป็นรูปน้องหมา อีกคู่ที่เป็นยีนส์ขนนก พี่สื่อมวลชนที่เรารักและเคารพเขาทำเอง มีกำไลเข้าชุดกัน เวลาเราใส่กางเกงยีนส์ เสื้อยืด ต่างหูก็จะเด่นขึ้นมาเลย อีกอย่างที่ชอบคือ ไข่มุก กับคริสตัล บางทีแบบใกล้เคียงกันมากแต่นางก็ซื้อ(หัวเราะ) และชอบโทนสีพาสเทล กับสีขาวเป็นหลักเพราะแมทกับเสื้อผ้าที่เราใส่ มีราคาตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงราคาที่เราทุ่มทุนสร้างหลักหมื่น เช่นของ หลุยส์ (Louis Vuitton ) ดิออร์ (Chistian Dior) ไม่นับเครื่องเพชรที่ผู้ใหญ่และสามีให้มา เพชรนี่นานมากกว่าจะหยิบมาใส่กับชุดราตรี ส่วนตุ้มหูหลุยส์ที่เราทุ่มทุนสร้างราคาก็จะประมาณไม่เกิน 2 หมื่น ถ้าราคาเกินกว่านี้ขอไปซื้อกระเป๋า กับเสื้อผ้าดีกว่า (หัวเราะ)”

9.

                เกี่ยวกับหน้าที่การงานปัจจุบันเธอรับตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี (เตรียมอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6)ดูแลตั้งแต่เรื่องใหญ่ไปจนถึงเรื่องเล็ก เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว ลูกชายคนโต (พี่ดี ดช.ดวงดิช  ชัยรุ่งเรือง) เป็นนักเรียนรุ่นแรกตั้งแต่อนุบาล 1 ตอนนี้อยู่อนุบาล 3 ลูกคนเล็ก (น้องดวิณ ดช.ดวงเดช ชัยรุ่งเรือง) ปีนี้อยู่อนุบาล 1 เธอเป็นผู้บริหารที่พยายามคิดในมุมมองของแม่และผู้ปกครอง สามารถพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กทุกคนได้

5.

                “เป็นโรงเรียนสาธิตก็เลยมีกิจกรรมเยอะมาก ปีแรกมีกิจกรรม ทั้งวันพ่อ วันแม่ ลอยกระทงฯลฯ เอิร์นถอยสะไบมาเลยจ้า แล้วไปกินข้าวต่อที่ห้างฯ คนอาจจะเข้าไม่ถึง มีปีหนึ่งมัวแต่หาสะไบให้ตัวเองลืมหาชุดให้ลูก เป็นอีกสังคมที่มีความสุข ได้เห็นผู้ปกครองมีความสุขที่ได้เห็นลูกๆกล้าแสดงออก เป็นยุคที่ไม่เหมือนสมัยเราตอนเด็กๆที่มีกรอบตีไว้หนา ปัจจุบันมีความยืดหยุ่น มีทางที่เขาจะเปิดสมองไปคิดได้ เพราะฉะนั้นเด็กของเราจะเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกตั้งแต่อนุบาล สังคมก็เปิดโอกาสให้เขากล้าคิดกล้าแสดงออกด้วย ผู้ปกครองหลายๆท่านที่ตีกรอบให้ลูกมากเกินไปก็กล้าเปิดโอกาสให้กับลูกๆบ้าง”

3.

                เธอเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ตีกรอบให้มากจนเกินไป หากย้อนเวลาได้ ก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เวลาที่เธอเลี้ยงลูกก็เช่นกัน หวังว่านอกจากลูกๆจะมีไอคิวที่ดีพอประมาณแล้ว อีคิวก็ต้องสำคัญกว่า ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดและฉลาดที่สุด เพียงแต่ใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้ รับความผิดหวังและเสียใจได้ ที่โรงเรียนของเธอให้ความสำคัญเรื่องภาษา ดังนั้นนอกจากภาษาอังกฤษแล้วเด็กๆยังได้เรียนภาษาจีนตั้งแต่เตรียมอนุบาล ทำให้เด็กกล้าแสดงออกทางภาษาผู้ปกครองทั้งหลายต่างก็ภูมิใจ