RedRecords เมื่อสายการบินเปิดค่ายเพลง

RedRecords เมื่อสายการบินเปิดค่ายเพลง

แอร์เอเชีย สายการบินโลว์คอสต์ชั้นนำ หันมาเปิดค่ายเพลง โดยมีสาวน้อยชาวไทย Jannine Weigel (พลอยชมพู) เป็นศิลปินเบอร์แรก

ยุคนี้เป็นยุคแห่งการทำธุรกิจแบบหลากหลายและผสมผสาน แอร์เอเชีย บริษัทเดินทางและไลฟ์สไตล์ชั้นนำในแถบเอเชียแปซิฟิก ผู้เป็นเจ้าของสายการบินโลว์คอสต์ชื่อดังที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทหนึ่งสามารถที่จะทำธุรกิจควบคู่กันหลายอย่างได้

แถมล่าสุดยังหันไปจับธุรกิจที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของตัวเองเลย นั่นคือ การผนึกกำลังกับค่ายเพลงชั้นนำของโลกอย่าง Universal Music Group เปิดค่ายเพลงที่ชื่อ RedRecords ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งที่น่าสนใจไม่น้อย

นั่นคือ การผลักดันเพลงที่เรียกว่า A-Pop music หรือดนตรีจากศิลปินในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมีความหลากหลาย และรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรม ออกสู่สากล

แล้วสิ่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการที่ RedRecords ไว้วางใจ เลือก Jannine Weigel (พลอยชมพู) สาวน้อยชาวไทยผู้มีความสามารถรอบด้าน ทั้งในเรื่องของการแต่งเพลง ร้องเพลง รวมถึงด้านการแสดง มาเป็นศิลปินเบอร์แรกของค่าย

AF06122019_RedRecords PR-107

แอร์เอเชีย กรุ๊ป และ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวค่ายเพลงที่ใช้ชื่อว่า RedRecords ขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของการหันมาจับธุรกิจดนตรี และทิศทางของค่ายที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต

RedRecords ถือกำเนิดขึ้นโดยการนำความเชี่ยวชาญในการผลิตศิลปินของ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมดนตรีโลก มาหลอมรวมเข้ากับความแข็งแกร่งด้านการทำตลาดในแถบเอเชียแปซิฟิกของ แอร์เอเชีย เพื่อเฟ้นหาและผลักดันผู้ที่มีความสามารถในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ให้ก้าวข้ามพรมแดนทางธรรมชาติ และพรมแดนด้านภาษา เพื่อเข้าถึงผู้ฟังทั่วโลกได้

สำหรับผู้ที่นั่งแท่นบริหาร เป็น CEO ค่ายเพลง RedRecords คือ ฮัสซัน โชดูรี ( Hassan Choudhury) ซึ่งดำรงตำแหน่ง Head of Music ของ AirAsia Group นั่นเอง ในส่วนของสำนักงานใหญ่จะมีอยู่ 2 แห่ง คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และนครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา

AF06122019_RedRecords PR-104

โทนี เฟอร์นันเดส CEO ของ แอร์เอเชีย กรุ๊ป ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของการเปิดค่ายเพลง RedRecords เอาไว้ว่าหลังจากที่แอร์เอเชียปฏิวัติการเดินทางทางอากาศ ทำให้ทุกคนสามารถนั่งเครื่องบินได้มาแล้ว ทางบริษัทเลยหันมาโฟกัสเรื่องการเปลี่ยนสายการบินโลว์คอสต์แห่งนี้ให้เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์และการเดินทางระดับโลก และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปสู่รากเหง้าด้านดนตรี เพื่อปฏิวัติ Asian pop culture ให้มีความโดดเด่น สามารถแข่งขันกับกระแสเคป๊อปที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้

AF06122019_RedRecords PR-101

ขณะที่ เซอร์ ลูเซียน เกรนจ์ (Sir Lucian Grainge) ประธาน และ CEO ของ Universal Music Group บอกว่าความสำเร็จของเพลงละติน และเพลงเคป๊อปในระดับโลกเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ในยุคสตรีมมิ่งนี้ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคกีดขวางดนตรีที่ดีได้อีกแล้ว แม้แต่ภาษาเองก็ตาม ดังนั้น การหลอมรวมเอาทรัพยากรและกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งของแอร์เอเชียเข้ากับ UMG จึงสามารถทำให้ศิลปินเอเชียมีโอกาสที่จะไปสู่ระดับโลกได้อย่างแท้จริง

AF06122019_RedRecords PR-102

ในงานยังมีการเปิดตัว Jannine Weigel (พลอยชมพู) ในฐานะศิลปินเบอร์แรกของค่าย RedRecords อีกด้วย ซึ่งสาวน้อยลูกครึ่งไทย-เยอรมันผู้นี้ก็มีคุณสมบัติเหมาะสมกับความไว้วางใจครั้งนี้ เพราะเธอเคยออกผลงานเพลงกับค่ายเพลงในไทยมาแล้วหลายเพลง อาทิ ปลิว, รักไม่มีทางออก, แตกต่างเหมือนกัน ก่อนจะย้ายไปสังกัด ยูนิเวอร์แซล มิวสิค (ประเทศไทย) แล้วมาลงเอยที่ RedRecords ในที่สุด

Jannine Weigel (พลอยชมพู) ถือเป็นศิลปินมีผุู้ติดตามมหาศาลทางโซเชียลมีเดีย คือ เฟซบุค 3.2 ล้านคน อินสตราแกรม 1.5 ล้านคน TikTok 5 แสนคน ขณะที่เพลงต่าง ๆ ของเธอมียอดวิวรวมกันกว่า 600 ล้านวิว และมีผู้ติดตามช่องของเธอทาง Youtube อยู่ 3.3 ล้านคน

พบกับ Exclusive Interview ‘Jannine Weigel (พลอยชมพู)’ ศิลปินเบอร์แรกของค่าย RedRecords ที่ จุดประกาย มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์พิเศษเธอมาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังการแถลงข่าวเปิดตัวค่ายได้ที่ด้านล่างนี้เลย

 

AF06122019_RedRecords PR-108

Exclusive with พลอยชมพู

ความรู้สึกที่ได้รับเลือกเป็นศิลปินเบอร์แรกของค่าย

รู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมากๆ เพราะมันเป็นโอกาสที่ไม่คิดว่าหนูจะได้รับ เพราะมันเป็นอะไรที่ได้แต่ฝัน แต่วันนี้หนูได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วได้เป็นศิลปินคนแรกของ RedRecords ด้วยค่ะ

กดดันไหมกับการเป็นคนแรก

กดดันเหมือนทุกครั้งเวลาที่เราจะเตรียมงานเพลงใหม่ แต่ว่าหนูค่อนข้างมั่นใจในทีมนี้ก็เลยคิดว่าถ้าเราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดแล้วเค้าก็ทำเต็มที่ ทุกคนเต็มที่ก็ไม่กดดันขนาดนั้นค่ะ

โปรเจคท์นี้เริ่มต้นเมื่อไร เขาติดต่อเรามาเมื่อไร

จริง ๆ คุยกันเรื่องโปรเจคท์นี้มาตั้งแต่ต้นปี 2562 เกือบ ๆ กลางปี หลังจากที่หนูออกข่าวว่าจะกลับไปเยอรมัน พอหนูออกข่าวปุ๊ป เค้าก็ติดต่อมาอาทิตย์ถัดไปเลย ก็เลยกลายเป็นว่าหนูเปลี่ยนแผน ไม่ได้กลับเยอรมัน เลยอยู่ต่อค่ะ

แนวเพลง และสไตล์ที่จะทำกับ RedRecords

ตอนนี้ยังไม่ได้ฟิกซ์ไว้ กำลังดูๆ กันอยู่ว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะเราก็ต้องทำความรู้จักกันก่อนระหว่างตัวศิลปินแล้วก็ค่ายด้วย แล้วก็อยากทำให้แนวเพลงมันชัดเจนไปเลยก็กำลังเตรียมงานค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะมาในทิศทางไหนก็ต้องรอดูค่ะ

จริง ๆ เพิ่งจะเซ็นสัญญากันไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้วนี้เองค่ะ (บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้มีขึ้นในวันเปิดตัวค่าย RedRecords วันที่ 6 ธันวาคม 2562) คือคุยกันมาค่อนข้างนานแล้ว พอทราบว่าวันนี้จะเปิดตัวค่ายก็เลยเพิ่งจะมาเซ็นสัญญา ก่อนหน้านี้มันเป็นไอเดียอยู่ แล้วก็อยู่ในขั้นตอนที่เหมือนการก่อตั้งค่ายค่ะ

แล้วจะกลับมาเมืองไทยบ้างไหม

จริง ๆ แล้วตอนนี้หนูก็อยู่เมืองไทยค่ะ เบสอยู่ในเมืองไทยแต่ก็จะไป ๆ มา ๆ แต่ถ้าในส่วนของผลงานเพลงไทยก็ต้องรอดูเพราะหนูก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

พลอยชมพู ณ ตอนนี้ นับตั้งแต่เข้าวงการ ทำเพลงเอง จนได้มาร่วมงานกับค่ายระดับอินเตอร์ เราตกผลึกอะไรบ้าง

สำหรับหนู มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าวงการเพลง ในชีวิตหนูต้องฝ่าฝันมาเยอะเพราะหนูเข้าวงการมาแบบไม่รู้จักใครเลย เข้ามาแบบคนธรรมดา พอย้ายมาอยู่เมืองไทยก็ย้ายมาแบบมีญาติพี่น้องแค่ไม่กี่คน เริ่มต้นเข้าวงการด้วยการแคสติ้ง

เราค้นพบตัวเองว่าชอบการร้องเพลงก็เลยไปประกวดร้องเพลงก็ได้เข้าค่าย ได้ทำช่องยูทูปทีหลัง ซึ่งตอนที่ทำช่องยูทูปหนูก็มีเป้าหมายแล้วว่าไม่ได้จะทำแค่เพลงไทยอย่างเดียว แต่อยากจะร้องเพลงสากลเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราชอบมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วค่ะ

ก็รู้ว่ามันยากแต่ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้ เพราะมันไม่ได้แค่การร้องเพลง มันต้องอาศัยเรื่องของการลงทุนด้วย อย่างยูทูปช่วงแรกๆ หนูก็ลงทุนเอง จริง ๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังลงทุนอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ยาก แต่ว่าอย่างเพลงสากลก่อนหน้านี้ที่หนูทำเองมาตั้งแต่เริ่มต้นก็คิดว่า…..หรือจะหยุดทำดีไหมนะ...เพราะตอนนั้นมันไม่เห็นว่าจะได้ผลอะไร แต่ว่าหนูก็ดีใจที่ได้ทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะว่ามันก็เป็นเหตุผลที่ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค ได้เจอหนู ได้รู้จักหนูด้วยค่ะ

สำหรับหนูคือ “การทำต่อไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่เห็นผลหรืออะไรก็ตามค่ะ”

ตอนที่คิดจะกลับไปเยอรมัน เราถอดใจแล้วรึเปล่า

คือช่วงนั้นงานก็น้อยลงด้วยแล้วเราก็ยังเรียนไม่จบ ตอนนี้จบแล้วแต่ตอนนั้นยังไม่จบเลยคิดว่าหรือเราจะเปลี่ยนบรรยากาศดี จะโฟกัสไปที่การเรียนของตัวเองดีไหม ลองไปเปิดประสบการณ์ดู ตอนนั้นเลยตัดสินใจว่าจะย้ายกลับเยอรมัน แต่พอหนูประกาศออกสื่อปุ๊บ อาทิตย์ถัดไปทางนี้ก็ติดต่อมาพอดีว่าจะมีโปรเจคท์นี้ ตอนแรกหนูก็ลังเลว่าจะอยู่ต่อดีไหมนะ เพราะตอนที่คุยยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็อยู่ต่อ ก็ดีใจที่ตัดสินใจอย่างนี้ค่ะ

ตั้งเป้าหมายไว้ยังไงบ้าง

เป้าหมายหนูยังไม่ได้ตั้งไว้ แต่คิดเอาไว้ว่างานทุกส่วนหนูจะพยายามทำให้เต็มที่ ๆ สุด หนูไม่ได้อยากคาดหวังว่าจะต้องดังระดับโลก คือมันก็เป็นความฝันแหละ แต่ไม่ได้คาดหวังถึงขนาดนั้นว่าภายในสองปีสามปีจะต้องไปถึงจุดนั้นจุดนี้ คือมันอาจจะช้ากว่าที่เราคิดหรือว่าเร็วกว่าที่เราคิดก็ได้ ก็แค่รอดูจังหวะแล้วทำของเราให้ดีที่สุด

แต่การมาร่วมงานกับ RedRecords มันทำให้รู้สึกว่ามีความหวังมากขึ้น เราได้ทีมที่เขาอยากจะเต็มที่กับเรา แล้วก็เป็นทีมที่เรารู้สึกว่ารักและอยากจะทำงานด้วย

คิดว่าทางค่ายเห็นอะไรในตัวเรา

ที่เค้าเล่าให้ฟังคือเค้าค้นเจอหนูในยูทูปแต่ไม่ได้ติดต่อมาเลย เค้าคอยดูอยู่เรื่อย ๆ จนพอหมดสัญญากับค่ายเก่าปุ๊บ เหมือนบังเอิญเวลามันเหมาะเจาะพอดี เค้าก็ติดต่อกลับมา