ทอล์คเรื่องเทยกับ ก๊อตจิ และ เจนนี่

ทอล์คเรื่องเทยกับ ก๊อตจิ และ เจนนี่

พบกับบทสนทนาที่ชวนให้เราอมยิ้ม หัวเราะ ไปกับความเป็น “เทย”ที่มีความชัดเจนในตัวตนและความคิด ไม่แรงแต่น่ารัก

ซาชิมิปลาหมึก ที่มาถึงเมืองนี้เป็นเมนูที่ต้องลอง

เป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวตัวจริงเป็นคนชอบเที่ยวหรือไม่

ก๊อตจิ - ความจริงเป็นคนไม่เที่ยวเลย คนจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนชอบเที่ยวเพราะว่าทำรายการท่องเที่ยว ความจริงแล้วเวลามีวันหยุดจะฝังตัวอยู่บ้านไม่ไปไหนเลย ด้วยครอบครัวด้วยเป็นครอบครัวที่ไม่ได้เที่ยวชอบใช้เวลาอยู่บ้านด้วยกันมากกว่า อยู่กับพ่อแม่และหมาหนึ่งตัว เป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ดูแลดุจลูกสาว ไปรับไปส่งเช้าเย็น

วันไหนมีงานเช้าจะไปส่งที่ตึกและมารับที่ตึก จริงๆงงมั้ย ? พ่อแม่ไปรับไปส่งทุกวันตั้งแต่ม. 1- ม.6 พ่อไปส่งและไปรับที่โรงเรียน ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปล่อยนิดหน่อยนั่งรถลงเรือไปเรียนอักษร จุฬาฯ ช่วงนั้นทำงานแป๊บนึงก็ปล่อยไปเอง ตอนนั้นเอารถพ่อไปขับ พ่อนั่งไปด้วยสอนขับรถไปด้วย พอไปทำงานที่แกรมมี่แรกๆไปเอง พอเริ่มมาทำรายการก็มารับมาส่งตลอด เหมือนเขาเป็นห่วงไม่อยากให้ขับรถตอนกลางคืน

เจนนี่ - เป็นแหล่งสมบัติน่ะค่ะ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปสมบัติก็จะไม่มี ...ล้อเล่นนะคะ (หัวเราะ)

ถามถึงรายการเทยเที่ยวไทย ตั้งใจให้ชื่อนี้เลย

ก๊อตจิ - ใช่มันตรงตัวที่สุดตั้งแต่ตอนทำแรกๆชื่อแรกที่ใช้เลยคือ “เทยเที่ยวไทย” เหมือนเราประกาศตัวนะแต่ไม่ประกาศคนก็รู้แหละว่าเราเป็นกระเทย

เจนนี่ – บ้าดูไม่ออกเหรอเหมือนผู้หญิงจะตาย (เสียงสูง)

ก๊อตจิ – หลายคนคิดว่าคำว่า “กระเทย”เป็นคำที่ไม่อยากเรียกหรือเปล่า เป็นคำหยาบหรือเปล่า หรือไม่สมควรจะพูดหรือเปล่า แต่ว่าคำว่า “กระเทย” เป็นการแสดงตัวตนของเราได้ชัดเจนที่สุดนะ และพวกหนูก็เป็นกระเทยจริงๆนะ พูดกันตรงๆ

เจนนี่- มันแล้วแต่บริบทนะ หนูว่าบางทีที่คนไม่ชอบก็เพราะว่า มาเรียกในลักษณะที่ไม่ให้เกียรติ คำๆหนึ่งสามารถใช้ได้หลายบริบท

มาจากคำย่อ ททท.ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือเปล่า ?

ก๊อตจิ - ไม่ได้คิดเลยค่ะ แต่ไปๆมาๆคนคิดว่าเป็นททท.จริงๆ แต่จะมีช่วง “ต่อปากต่อคำที่เราออกไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าช่วงเดินตลาด เขาจะถามว่าเรามาจากรายการอะไร พอเราบอกว่า “เทยเที่ยวไทย” เขาก็จะไม่ค่อยกล้าพูดคำว่า เทย เขาก็จะพูดเบี่ยงเป็น ไทยเที่ยวไทย หรือ ท่องเที่ยวไทย เหรอ ...ไม่ใช่ค่ะคุณป้าหนูเป็นกระเทย บางทีก็เปิดโลกให้เขานะ เขาก็จะได้เห็นว่าน่ารักดี

Fukuoka day 1-2_๑๙๐๓๒๒_0021_1

ในช่วงแรกของรายการเทยเที่ยวไทยมีปัญหาอุปสรรค หรือ ความยากลำบากหรือไม่

ก๊อตจิ  - ทำรายการมาทั้งหมดเ 8 ปีแล้ว แรกๆไม่ได้ลำบากค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้เน้นตัวเองว่าเป็นกระเทย ที่มันเป็นกระแสโด่งดัง คือมีทีเซอร์ (ตัวอย่างรายการขนาดสั้น) ไปลงในเฟซบุ๊ค เหมือนว่าเราก็ตื่นเต้นนะไม่เคยทำรายการทีวีมาก่อน เป็นรายการแบบกระเทยไปเที่ยวแบบนี้ มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ของสมัยนั้น เราไม่รู้ว่ากระแสจะเป็นยังไงบ้าง พอลงเฟซบุ๊คไปอยู่ดีๆคนก็แชร์ต่อไปเรื่อยๆเยอะมาก โดยไม่มีกระแสลบเลย มีแต่เฮ้ยตลกดี ! มันใหม่ดีนะ! มันเลยไม่มีความลำบาก เพราะว่าเราไม่ได้ขีดเส้นใต้ว่าเราเป็นกระเทยนะ เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเพียงแต่ว่าเราเป็นกระเทยเท่านั้น

รายการมีสคริปต์หรือไม่

ก๊อตจิ - เทปแรกมีสคริปต์ เขียนว่าไปสถานที่นี้มุกนี้ มุกนี้ รู้สึกว่าไม่ธรรมชาติ คือ พูดตามสคริปต์ไม่ได้นะเทปต่อมาคือไม่มีสคริปต์เลย

ถ้าอย่างนั้นพิธีกรทุกคนต้องเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันอยู่แล้ว

ก๊อตจิ - ด่ากันได้ดีกว่า

เจนนี่ - ที่จริงสนิทกันมากก็ไม่ควรด่ากันนะคะ

เจนนี่เข้ามาเป็นพิธีกรรายการนี้ได้อย่างไร

เจนนี่ - จริงๆหนูตอนแรกทำงานเป็นครีเอทีฟอยู่แชนแนลวีไทยแลนด์ เป็นวีเจ ยืนคู่กับวุ้นเส้นมา ไม่ใช่ค่ะล้อเล่น (หัวเราะ) หนูรู้จักพี่ฝน ครีเอทีฟของเทยเที่ยวไทย ก็ได้รับการทาบทามให้มาทำงานกับแบงแชนแนล (BANG Channel) ช่องวัยรุ่นที่มาแรงมากช่วงนั้น หนูก็มาทำงานกับแบงแชนแนลได้สักพักหนึ่ง พี่แป๋ม (ป๋อมแป๋ม -นิติ ชัยชิตาทร )เล็งไว้ว่าอยากดึงหนูเข้ามาในทีม เลยไปกวาดรายการที่หนูทำให้มาอยู่ภายใต้อำนาจของพี่แป๋ม พอสักพักเขาก็ดึงหนูมาเป็นครีเอทีฟสลับกับพี่ฝน หนูเป็นครีเอทีฟได้หนึ่งปีก็มาเป็นพิธีกร

ก๊อตจิ - รายการนี้มันแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ปกติรายการอื่นพิธีกรคุยกันหน้ากล้อง แต่รายการนี้จะดึงคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นครีเอทีฟ ตากล้อง แอดมิน หรือแม้แต่คนขับรถ ทุกคนคุยกันเหมือนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบรายการ

เจนนี่ - ตอนเจนนี่มาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พอคุยไปคุยมา ออกหน้ากล้องบ่อยๆ คนก็เริ่มชินคนก็เริ่มรู้สึก ว่ามีเจนนี่อยู่นะ เจนนี่ในรายการ ต้องมีคนสวยบ้าง

ก๊อตจิ - พี่กอล์ฟไง ?

เจนนี่ - เจนนี่คนสวยนะ ไม่ใช่คนแก่ (ตอบทันใด)

22_1

เนื้อหาของรายการเทยเที่ยวไทยดูเหมือนว่าจะไม่ได้เน้นเรื่องข้อมูลการท่องเที่ยวเท่าไหร่ ใช่หรือไม่

เจนนี่ - เราเอาข้อมูลมาพูดให้ตลกๆมากกว่า ไม่รู้นะคะ พี่ๆ เขาทำอย่างนั้นมาก่อน หนูก็เลยทำตาม

ก๊อตจิ - ข้อมูล เราก็ไปหาในกูเกิ้ลได้ ทุกรายการก็บอกข้อมูลซ้ำๆ ถ้าอย่างนั้นไปดูรายการพี่ติ๊กเจษฎาภรณ์ก็ได้ หรือไปหรือไปดูรายการของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีลก็ได้ เราเน้นบรรยากาศการท่องเที่ยวมากกว่า เพราะจริงๆแล้วเป็นคอนเซ็ปต์ของรายการมาตั้งแต่แรก เราไม่ได้เน้นสถานที่ที่เราไป เราเน้นบรรยากาศที่ไปเที่ยว กับกลุ่มเพื่อนมากกว่า รายการเหมือนไม่มีสาระแต่ก็มีสาระนะ

ครั้งหนึ่งเราไปศูนย์การเรียนรู้การเกษตร ซแรย์ อทิตยาทร จังหวัดสุรินทร์เราไปถามเขาว่า ที่นี่ใช้ปุ๋ยอะไรคะ เขาตอกว่าใช้ปุ๋ย “สั่งตัด” เราก็เอ๊ะ! สั่งตัด คืออะไรวะ เหมือนชุดสังฆทานหรือเปล่า ? ถามเขาทำให้ได้คำตอบว่าเป็นปุ๋ยที่ทำขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับสภาพดินโดยเฉพาะคือนำดินมาตรวจค่ากรดด่าง แล้วทำปุ๋ยสั่งตัดเอาไปใส่ในดินนั้น เพื่อให้พืชผลเจริญเจริญงอกงามสมบูรณ์ที่สุด

ปรากฎว่าออนแอร์ไปปุ๊บ ในข้อสอบ 9 วิชาสามัญ มีคำถามว่า “ปุ๋ยสั่งตัดคืออะไร ?” เห็นไหมมันมีสาระขึ้นมาบ้าง มันก็จะมีอย่างนี้นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เน้นสาระอะไร แต่เป็นเรื่องจริง จะมีรู้อย่างเดียวคือสถานที่จะไป เราก็เล่นมุกกันหน้างานโซโล่กันหน้างานไปเลย

แล้วผู้ชมก็ชอบอย่างนี้

ก๊อตจิ - คนชอบดูคนด่ากัน งงมากค่ะ

เจนนี่ - คือคนชอบหนูมาตั้งแต่ ตอนเป็นครีเอทีฟที่หนูโดนพิธีกรด่า พอเขามาเป็นพิธีกรปุ๊กหนูก็โดนพี่ๆด่าคนดูก็บอกว่า ทำไมปล่อยให้โดนด่า แต่หนูชอบนะที่โดนด่า แล้วก็ชอบมาถามหนูว่าทำไมปล่อยให้โดนด่า ชอบอ่ะ ทุกคนชอบให้หนูโดนด่า

มีวันที่เราไม่พร้อมจะโดนด่าบ้างหรือไม่ เช่น วันที่อารมณ์ไม่ดี หรือไม่สบาย

ก๊อตจิ - คือ เราไม่ด่ากันจริงจังเราเล่นกันสนุกสนานมันจะมีแค่บางวัน ที่นอนน้อยบ้าง เป็นหวัดบ้างเครียดเรื่องงานบ้าง มาสายบ้างก็จะรู้สึกว่าเออทำยังไงดีวะ แต่พอไปถึงกองถ่ายเหมือนบรรยากาศมันพาไป นับ 5 4 3 2 ต้องเปิดสวิตช์กูก็ต้องตลก สั่งจิตแบบนั้น

เจนนี่ - เราต้องแยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัว เป็นการแยกแยะค่ะไม่ใช่การแสดง แต่เวลาเราคุยกันในรถตู้ เราไม่ได้ถ่ายรายการ เราก็คุยแบบนี้ค่ะ คือตลกนะบางทีตลกมากกว่าในรายการอีกอยากให้เอากล้องขึ้นมาถ่าย คือเป็นแบบนี้เลยไม่ว่าจะอยู่หน้ากล้องหรือหลังกล้อง

เคยมีความรู้สึกว่าพี่ๆด่าเราแรงเกินไปบ้างหรือไม่

เจนนี่ - คือเรารู้ว่าเขาด่าเราเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าด่าเพราะว่ามึงเกลียดกูเลยด่า นี่คือมันด่าเพราะว่าเราถ่ายรายการ เราด่าเพื่อให้มันตลก ด่าให้ทุกคนได้ตลกกัน เราก็เลยรู้ว่ามันไม่ได้เกิดจากความอาฆาตพยาบาท ค่ะ

ก๊อตจิ - หลายอย่างที่ด่าก็เป็นเรื่องจริง เช่นเขาด่าเราว่าหน้าใหญ่ อ้าว ! กูหน้าใหญ่จริงๆไปเถียงเขาไม่ได้ ส่วนพี่กอล์ฟ (กิตติพัทธ์ ชลารักษ์) เป็นคนฟันเยอะ มันก็คือจริงๆ หรือพี่กอล์ฟชอบแต่งตัวไม่ทันสมัยอะไรอย่างนี้ เพราะแกเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องแฟชั่นเท่าไหร่ ก็คือมันเป็นเรื่องจริงทุกอย่างที่เราเอามาพูด อย่างนี้ค่ะ

ส่วนที่ถามว่าบางวันที่บางคนรู้สึกไม่สนุก ก็ต้องช่วยกันเชียร์อัพกันนิดนึง หรือพยายามเล่นมุกใส่คนๆนั้นเยอะๆหน่อย เขาจะได้รู้สึกดีขึ้นมา เหมือนที่ให้โต้ตอบกลับมา เดี๋ยวมันก็จะหลุดเองแหละ

เจนนี่ - หรือเราก็พลิกเอาเรื่องที่กำลังถูกล้อขึ้นมาเอามาตีให้สนุก แค่หนูส่งเข้ามาไปในไลน์กลุ่ม ว่าหนูเป็นไข้หวัดใหญ่ไปหาหมอ ทุกคนก็ด่าเป็นชุดๆทุกคนด่าหนูเป็นเชื้อโรคเป็นโรคภัยไข้เจ็บ แค่ส่งไลน์ไปบอกว่ากูป่วย เนี่ยนะ !

ก๊อตจิ - เหมือนเรื่องเหตุร้ายที่เกิดกับกระเทยมันเป็นเรื่องตลกได้หมด

Fukuoka Day 3_๑๙๐๓๒๒_0010 (1)

กลุ่มแฟนรายการเทยเที่ยวไทยเป็นใครกันบ้าง

ก๊อตจิ - ทุกเพศทุกวัย ไม่น่าเชื่อ แรกๆก็จะเป็นวัยรุ่นเด็กๆ

เจนนี่ - ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงจะเข้ามาบอกว่าแฟนหนูชอบมาก แฟนรายการเราเป็นผู้ชายเยอะมาก ก๊อตจิ - มันคงเป็นรายการที่หยาบๆคายๆ รายการหนึ่ง ผู้ชายเลยชอบ รู้สึกสะใจดี พอได้มาอยู่ช่อง one 31 ค่ะเหมือนขยายฐานเขาได้ดูกับพ่อกับแม่ จะมีกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50-60 ปีขึ้นไป จะมาทักว่าเออชอบหนูมากเลยนะ ป๊าดูอยู่นะหรือแม้กระทั่ง อยู่กันเป็นครอบครัวก็จะมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ขวบ นางก็บอกว่าจำเราได้ เราก็รู้สึกผิดว่าเรามีพูดคำหยาบก็ไปในรายการ แต่เราก็จะไม่หยุดนะคะเราก็จะพูดต่อไป

เจนนี่ - ผู้ใหญ่ ก็มาบอกว่าลูกชอบมากเยอะมากค่ะ สรุปว่าดูกันทั้งครอบครัว

ก๊อตจิ – และมีอีกกลุ่มหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดถึงได้ไหมนะ จะลองพูดก็แล้วกัน หนูไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัด พระท่านก็พูดว่า “อาตมาดูอยู่นะ” ล่าสุดคนรับซักผ้าให้ที่บ้านมาตั้งแต่เด็กสมัยเรียนมัธยมสามีเขาเสียชีวิต เขาก็อยากให้เราไปงานศพ ที่จริงเราก็อยากไปแต่เราติดงานไปไม่ได้ ปรากฏว่าไม่ใช่อะไร พระที่วัดบอกว่าอยากให้โยมก๊อตจิมาฟังสวด

คือรายการเราเคยไปทำบุญผ้าป่า ทอดกฐิน พอหลังรายการออนแอร์ก็จะมีพระเฟสบุ๊คมาบอกว่าให้มาถวายกฐินผ้าป่าที่วัดบ้างนะ

เจนนี่ – หนูเคยไปถวายสังฆทาน พระท่านก็ให้พระเครื่องห้อยคอมากำใหญ่ หนูตกใจค่ะกลัวว่าท่านเห็นใคร (หัวเราะ) ท่านก็บอกว่านำไปฝากทีมงานด้วยนะ หนูก็อ๋อ ...

แฟนรายการของเราที่เยอะมาก คือ ผู้ชมจากต่างประเทศ เหมือนรายการเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เขาหายคิดถึงบ้าน ฟีดแบ็คที่เขาบอกมา เหมือนได้เที่ยวกับกลุ่มเพื่อน เหมือนได้เที่ยวในเมืองไทยมันเราจึงมีโปรเจคของปีนี้และปีหน้าว่า เทยเที่ยวไทยไปทั่วโลก

ก๊อตจิ - มีอีกอย่างคือคนอกหักชอบดูมาก จะฟีดแบ็ค มาในทวิตเตอร์ เช่น ช่วงนั้นอกหักแฟนทิ้งนะ มีรายการนี้แหละที่ทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

เจนนี่ - ในขณะที่คนทำรายการก็กำลังอกหักอยู่เหมือนกัน

ก๊อตจิ - เหมือนเวลาที่เขามีเรื่องเศร้าต่างๆ หรือแม้แต่คนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือเป็นโรคอะไรร้ายแรงต่างๆ ก็จะมีฟีดแบ็คว่ารายการของเราทำให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้พูดแล้วก็จะร้องไห้นะ ซึ่งนำความชื่นใจมาให้กับเรา แบบว่าเหนื่อยๆมาจากไหนดูเทยเที่ยวไทย หายแน่นอน เป็นคำที่เขาเขียนถึงเราในทวิตเตอร์

รายการเทยเที่ยวไทยมีส่วนในการส่งเสริมสถานะของ “กระเทย”ให้สังคมยอมรับมากยิ่งขึ้นหรือไม่

เจนนี่ - หนูว่าเราไม่ได้มาเพื่อช่วยกระเทยโดยตรง แต่ว่าการมาของรายการเทยเที่ยวไทย หนูว่ามันทำให้คนได้หันมาเห็นกระเทย ในหลายๆด้านมากขึ้น เช่น เมื่อก่อนกระเทยไม่ได้อยู่ในฐานะของพิธีกรสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นหนึ่งในตัวประกอบในละคร ครั้งแรกที่หนูได้เห็นรายการเทยเที่ยวไทย รู้สึกว่ามันดีมันเปิดกว้างนะ มันไม่ได้มาในรูปแบบ ของกระเทยที่เหมือนเป็นตัวตลกบ้าบอเหมือนในละครเมื่อก่อน เราได้เห็นกระเทยมีความรู้กระเทยมีความสามารถ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จุดประกาย ให้คนยอมรับกระเทยมากขึ้น

ความจริงเขาก็ยอมรับกระเทยกัน แต่หนูมองว่ามันเป็นการยอมรับแบบแกนๆ แต่พอมันมีมาให้เห็นจริงๆ นี่เห็นมั้ย ! กระเทยเก่ง ได้เห็นเป็นรูปแบบชัดเจน เหมือนเป็นการปูทาง

ก๊อตจิ – เหมือนมาถางหญ้าให้ พอมีรายการเกี่ยวกับกระเทยหรือมีกระเทยออกมาอีก ผู้คนก็จะเปิดรับมากขึ้น ฟีดแบ็คของรายการทำให้เราได้รับโอกาสมากกว่า

อิ่มอร่อยกับชาบู Hot Pot ขึ้นชื่อ ณ ร้าน CHABU ZEN

ยังมีสิ่งที่อยากทำอีกไหม

เจนนี่ - หนูมีค่ะ ตอนแรกหนูไม่มีเป้าหมายอะไรเลยค่ะ จนเจอคำถามนี้บ่อยเข้าเลยคิดหน่อยก็ได้ว่าอยากทำอะไร หนูก็มานั่งคิด หนูเป็นคนชอบดูหนังฟังเพลงมาก ถ้าหนูได้เล่นหนังสักหนึ่งเรื่องที่เป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคน อันนั้นจะบรรลุมากมันจะคอมพลีทสำหรับหนูมาก จะเป็นอะไรที่พอแล้วค่ะไม่มีผัวก็ได้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ(หัวเราะ) คืออยากเป็นนักแสดงนำในหนังที่เป็นที่จดจำ

ก๊อตจิ – หนูเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกภาษาจีน อยากจะพัฒนาตัวเองเป็นพิธีกร 3 ภาษา มีคนติดต่อมาให้เป็นพิธีกรภาษาจีนด้วยแต่เรายังไม่คล่องขนาดนั้นเราแค่พูดได้เฉพาะในชีวิตประจำวันเฉยๆ เพราะในแต่ละงานเราต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แล้วเราก็ห่างหายมานาน เป็น 10 ปีแล้ว ถ้ามีโอกาสได้ฟื้นฟู การเป็นพิธีกรสัมภาษณ์เป็นภาษาจีนก็ดูเก๋ดีนะคะ

วันนี้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

เจนนี่ - เปลี่ยนสิคะเมื่อก่อนหนูนอนในลัง (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ จะบอกว่าตัวเราไม่เปลี่ยนเลยมันก็ไม่ใช่ ไม่พอมีคนจับจ้องมากขึ้น หนูก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย เมื่อก่อนไปเที่ยวแถวข้าวสารมีโต๊ะที่ไหนหนูต้องลุกขึ้นยืนเต้นให้สุด หลังๆไม่เอาดีกว่าไม่เมาขนาดนั้น มันเหมือนมีคนจับตามองอยู่เราก็เป็นตัวเองได้ไม่เต็มที่แล้ว ส่วนสิ่งดีๆคือได้รับโอกาสดีๆเข้ามาเยอะมาก

ก๊อตจิ - พอมีคนมารู้จักมากขึ้น คนยอมรับมากขึ้น คนบอกว่าชอบนะดูแล้วสนุก มันรู้สึกว่าเติมเต็มให้กับพ่อและแม่มากขึ้น เขาจะรู้สึกว่าภูมิใจในตัวเรา เวลาไปห้างหนูจะเดินกับแม่ข้างหน้า พ่อจะเดินข้างหลังเพื่อเช็คเรตติ้ง ถ้าสมมุติมีใครซุบซิบพ่อจะแอบไปคุยกับแม่สองคนจะไม่มาบอก

คือ เราเป็นกระเทยนะคะ น้อยสิ่งที่เราทำให้พ่อแม่ภูมิใจ นอกจากเรียนจบมาแล้ว นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าสามารถเติมเต็มชีวิตเขาให้เขาภูมิใจได้

ท้ายนี้การท่องเที่ยวให้อะไรกับตัวเรา

เจนนี่ - หนูรักการเที่ยวค่ะ ชอบเที่ยวมากตั้งแต่เด็กมาเรียนกรุงเทพฯคนเดียวก็ไม่ได้กลัวอะไร ตอนมาเรียน มหาวิทยาลัย (คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เอกภาษาฝรั่งเศส) หนูออกค่ายอาสาทุกปี หนูชอบการไปนอนในป่า ชอบธรรมชาติ

ก๊อตจิ – ปกติหนูไม่เที่ยวก็ได้เที่ยวไปกับงาน พอเราได้ย้ายตัวเองไปยังที่ใดที่เป็นที่หมายสักแป๊บนึงเหมือนกับไปเที่ยวทำให้เราได้ รีเฟรชตัวเอง ช่วงหลังการทำรายการทำให้เราได้เห็นถึงความภูมิใจในเรื่องท้องถิ่นของตัวเอง เวลาที่เราไปสถานที่ต่างๆหรือที่เรานัดเขาไว้แล้วเขาจะมีการเตรียมพร้อมมาก รายการเราไม่ใช่รายการโชว์เหมือนเป็นรายการตลกแต่เขาอยากโชว์มาก ไปเตรียมคนทั้งหมู่บ้านมาเพื่อรอรับเรา รายการของเราอาจตอบสนองเขาไม่ได้เต็มที่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด แต่เราก็เห็นความภูมิใจในการที่ต้องการนำเสนอท้องถิ่นของตัวเองภูมิใจในการนำเสนอของใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้น

เจนนี่ - จากเมื่อก่อนที่ไปเที่ยวแล้วไม่เคยคิดอะไร พอไปแล้วเราได้เจอวัฒนธรรมแต่ละท้องที่สิ่งที่ได้เลยคือเราต้องไปเที่ยวอย่างมีสำนึก ไม่ใช่ว่าเราจะทำตัวอะไรก็ได้ตามใจชอบ ต้องเข้าใจด้วยว่าแต่ละที่มีวัฒนธรรมมีประเพณีที่ไม่เหมือนกัน เราต้องเคารพเขาด้วยไม่ใช่ไปเที่ยวแบบกูจะเที่ยวอย่างเดียวโดยไม่สนใจใคร