ไกด์ทัวร์ (คน) เร่ร่อน

ไกด์ทัวร์ (คน) เร่ร่อน

เป็นคนเร่ร่อนไร้บ้าน ที่ผันตัวมาเป็นไกด์นำเที่ยว และได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่อ  

 

 เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซียเป็นเมืองที่มีความผสมผสานกันของความหรูหราและความยากจนที่โหดร้าย

 

วีเชสลาฟ ราสเนอร์ ทำให้ 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกันหลอมรวมกันได้ จากที่เคยเป็นคนเร่ร่อนไร้บ้านมานานกว่า 10 ปี เขาสามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นไกด์นำเที่ยวยอดนิยมได้อย่างเหลือเชื่อ

 

หนวดเคราสีขาวและทรงผมที่ยุ่งเหยิงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชายวัย 68 ปีคนนี้ ดูเหมือนคนเร่ร่อนที่ก้าวออกมาจากหนังสือของฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี นักเขียนรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ แต่ความรู้ที่เกี่ยวกับเมืองและความเป็นมิตรของเขา มีมากเกินใครจะคาดคิด

 

ในทุกๆ วัน วีเชสลาฟจะเข้าประจำตำแหน่งที่หน้าสถานีรถไฟใต้ดินแอดไมรัลเทียสกาย่าตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า เที่ยงและบ่ายสามโมง เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการให้เขาพาเดินชมรอบๆ ถนนเนฟสกี้ พรอสเปค ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง บางครั้งเขามีลูกค้ามากถึง 30 คนสำหรับการพาทัวร์ในครั้งเดียว

 

การพาทัวร์ของวีเชสลาฟส่วนใหญ่จะเป็นการชมอาคารที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก 15 แห่งบนถนนเส้นนี้พร้อมกับเล่าถึงประวัติโดยละเอียด และนั่นถือว่าเป็นความรู้ที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่มักจะได้ไปชมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองที่อื่นๆ มาแล้ว

 

กระนั้นก็ดี ลูกทัวร์จำนวนมากกลับสนใจและตื่นเต้นกับเรื่องราวส่วนตัวของไกด์ทัวร์มากกว่า

 

อเล็กซานเดอร์ คาซาเยฟ วัย 28 ปี มาจากเมืองเพนซ่าซึ่งอยู่ห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประมาณ 500 ไมล์ บอกว่า เขาเดินทางมาที่นี่ เพื่อมาพบกับชาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวรัสเซียผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์

 

“ผมภูมิใจในตัวผู้ชายคนนี้ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นตำนานไปแล้ว เขาไม่ได้แบมือแบเท้าขอทาน แต่กลับหารายได้เลี้ยงตัวเองด้วยการแบ่งปันความรู้ อันมีค่าของเขาให้ผู้อื่น ประสบการณ์การทัวร์ครั้งนี้ช่างไม่ธรรมดาและซาบซึ้งใจมาก” อเล็กซานเดอร์ กล่าว

 

วิกตอเรีย โวลอสโนว่ นักท่องเที่ยวอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ชายคนนี้ต่างจากไกด์ทัวร์ประจำเมืองคนอื่นๆ เพราะเขามาจากชนชั้นล่างสุดของสังคม เขาเป็นคนพิเศษและเห็นได้ชัดว่าเขาชอบในสิ่งที่เขาทำ

ก่อนหน้านี้ วีเชสลาฟเคยเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และชีววิทยา และรับจ๊อบเป็นไกด์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

 

ตอนอายุ 57 ปี เขาต้องย้ายออกจากห้องพักในอพาร์ตเมนต์ส่วนกลางที่รัฐจัดให้ เพราะโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เขาต้องอาศัยอยู่ในตึกร้างใจกลางเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนานกว่า 10 ปีและดูแลสุนัขและแมวจรจัดพร้อมกันไปด้วย

 

สำหรับวีเชสลาฟแล้ว ส่วนที่ยากที่สุดของชีวิตคือ ช่วงฤดูหนาวอันหนาวเหน็บและฤดูใบไม้ผลิที่เย็นยะเยือก เขาไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกินมากนัก เพราะมีคนใจดีที่ช่วยเหลือคอยนำอาหารมาให้เสมอ

 

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจกลับไปเป็นไกด์ทัวร์อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเองทั้งทางด้านการเงินและด้านสังคม เขาคิดว่าเขาควรแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเมืองของเขาให้กับคนอื่นๆ

 

“เมื่อคนเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น สูญเสียบ้าน พวกเขาควรจะมองโลกในแง่ดี และควรทำอะไรบางอย่าง พวกเขาควรสร้างสรรค์สิ่งที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์” อดีตคนเร่ร่อนที่ผันตัวมาเป็นไกด์ทัวร์กล่าว

 

ไกด์วีเชสลาฟโด่งดังขึ้นหลังจากที่อาสาสมัครคนหนึ่งของ Night Shelter องค์กรการกุศลเพื่อคนไร้บ้านสร้างกลุ่มในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อแนะนำตัววีเชสลาฟบน Vkontakte ซึ่งเป็นเหมือนเฟซบุ๊คของรัสเซีย

 

ปีที่แล้ว ผู้หญิงที่เขาเรียกว่าเป็น “แฟน” ช่วยหาที่พักที่เป็นของอาคารประชาสงเคราะห์ให้ แต่นิสัยบางอย่างในช่วงที่เป็นคนไร้บ้านยังคงติดตัวมา แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีอพาร์ทเมนต์ขนาดใหญ่ที่มี 2 ห้องนอนที่เขาแชร์กับเพื่อนร่วมห้องและแมว 2 ตัว แต่ห้องก็รกและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

 

ในขณะเดียวกัน เขาดูจะเป็นคนเคร่งครัดต่อเวลาและติดอยู่กับกิจวัตรประจำวัน ซึ่งรวมถึงการแวะไปเยี่ยมผู้หญิงใจดี 2 คนที่เคยให้ข้าวให้น้ำเขากิน ช่วงที่เขาใช้ชีวิตแบบคนจรจัดและตอนนี้ก็ยังคงช่วยอยู่

 

อเล็กซานเดอร์ โวโรนอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์ของ Night Shelter กล่าวว่า วีเชสลาฟช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ด้านลบให้กับคนไร้บ้าน

 

“โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนมักคิดว่าคนไร้บ้านเป็นคนขี้เกียจ ติดเหล้าและยาเสพติด ไร้การศึกษาและไร้วัฒนธรรม แต่วีเชสลาฟแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ด้วยการเป็นไกด์ที่มีความรู้เกี่ยวกับเมืองและสถาปัตยกรรมเป็นอย่างดี” อเล็กซานเดอร์กล่าว

 

บุคคลที่องค์กร Night Shelter ให้การช่วยเหลือยังรวมถึงอดีตนักร้องโอเปร่า นักเขียน ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและนักธุรกิจระดับผู้บริหารด้วย

 

อเล็กซานเดอร์กล่าวว่า ผู้คนมักจินตนาการได้ยากว่าพวกเขาเหล่านั้น มีความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของโชคชะตามากน้อยเพียงใด

 

“มีหลายสถานการณ์ที่ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงในชั่วพริบตา พวกเขาต้องตกงาน สูญเสียบ้าน เพราะถูกคนหลอกลวง ต้องสูญเสียความสัมพันธ์ทางสังคม การกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ตามเดิมเป็นเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตใจ ความสามารถในการปรับตัวและความช่วยเหลือจากคนภายนอก” อเล็กซานเดอร์กล่าว

2 (1)_1 ..................

ที่มา เว็บไซต์เดลี่ เมล

หมายเหตุ : ตีพิมพ์เซคชั่นจุดประกาย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมต์ไร้พรมแดน วันที่ 9 สิงหาคม 2562