ก้าว (อีก) คนละก้าว

ก้าว (อีก) คนละก้าว

ตราบใดที่ความพร้อมด้านสุขภาวะและการแพทย์ยังขาดพร่อง สองเท้าที่เคย ‘ก้าวคนละก้าว’ จึงต้องกลับมาวิ่งต่อ และครั้งนี้ทุกคนมีโอกาสเป็นฮีโร่ได้ไม่ต่างจาก ‘พี่ตูน’

ตั้งแต่กรุงเทพฯ-บางสะพาน ไปจนถึงเบตง-แม่สาย โครงการ ‘ก้าว’ ของ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ได้สร้างปรากฏการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลด้วยตัวเลขเงินบริจาคกว่า 1,600,000,000 บาท แม้ก้าวครั้งยิ่งใหญ่ที่ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์จะปิดฉากไปแล้ว แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือยังมีอยู่ ‘พี่ตูน’ ของทุกคนจึงต้องกลับมา ‘ก้าว’ อีกครั้ง ด้วยอัตราส่วนของงานที่ขยายใหญ่กว่าเดิม และเพิ่มเติมด้วยทุกคนจะ ‘ก้าวไปด้วยกัน’

  • Everybody is HERO

“จากก้าวคนละก้าวทั้งสองครั้งก่อน เราในฐานะคนที่ทำงานด้านบันเทิง ทำงานด้านดนตรี และทุกคนที่ทำหน้าที่ของตัวเอง ได้ออกมาทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น ไม่ว่าจะโรงพยาบาลก็ดี และได้ทำให้หลายคนได้ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพของตัวเอง ผมรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดมากกว่าเงินบริจาคที่เราได้ด้วยซ้ำไป” ตูน บอดี้สแลม กล่าว

เมื่อสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทกายใจเริ่มผลิดอกออกผลให้เห็นเป็นการเอาใจใส่สุขภาพ บวกกับยังมีโรงพยาบาลอีกมากที่ขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์ ตูนและทีมงานก้าวจึงตัดสินใจสานต่อโครงการโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทุกคนมีได้ส่วนร่วม

“ทุกคนจะไม่ต้องเห็นผมวิ่งทรมานตัวเองอีกต่อไปแล้ว” ตูนกล่าวพร้อมรอยยิ้มซึ่งมีความหมายมากกว่านั้น “ปีนี้ผมอยากให้เป็นปีแห่งการส่งต่อแรงบันดาลใจ เป็นปีแห่งการส่งต่อการให้ เพราะทุกคนเห็นแล้วว่าเราก็ไม่ได้มีเวลาเยอะ ไม่น่าจะดูแลสุขภาพได้ แต่เราก็หาเวลามาออกกำลังกาย มาดูแลสุขภาพกันได้”

ก้าวคนละก้าวคราวนี้ยังช่วยเหลือโรงพยาบาลเช่นเดิม โดยเน้นโรงพยาบาลชุมชนหรือโรงพยาบาลขนาดเล็ก เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด แต่ก็ขาดแคลนมากที่สุดเช่นกัน ซึ่งโครงการปีนี้ใช้ชื่อว่า ‘ก้าวคนละก้าว ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ’ ยังคงเป็นการวิ่งระยะยาวและรับบริจาค แตกต่างที่เป็นการวิ่งผลัด นำโดย ตูน + ทีมก้าว ดารา คนดัง ที่จะมาช่วยกันวิ่งต่อเนื่องกัน จากจุดเริ่มต้น ผลัดกันคนละ 10 กิโลเมตร จนถึงเส้นชัย แบ่งเป็น 5 ภาคใหญ่ ได้แก่ ภาคอีสาน, ภาคใต้, ภาคเหนือ, ภาคตะวันออก และ ภาคกลาง และมีจำนวนโรงพยาบาลที่ช่วยเหลือ 7-8 แห่งต่อการจัดกิจกรรมวิ่ง 1 ครั้ง

ภาพพี่ตูน

“เราเริ่มวิ่งจากจังหวัดหนองคายไปขอนแก่น ซึ่งใน 10 กิโลเมตรสุดท้ายเราอยากให้เกิดภาพของคนที่มารวมกันวิ่ง เราจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนที่อยากวิ่งพร้อมกับเราที่ขอนแก่นมาร่วมวิ่งร่วมบริจาคกับเราได้ โดย บริจาค 200 บาท แล้วจะได้ BIB (หมายเลขประจำตัวนักวิ่ง) เราอยากสร้างสถิติวิ่งมินิมาราธอนเยอะที่สุด เราอยากท้าทายให้คนทั้งภาคอีสานมาวิ่ง

เรามีเด็กน้อย มีคนที่เคยอ้วนมากๆ มีคนที่เคยป่วยเป็นมะเร็ง คนเหล่านี้จะมาเป็นไม้ผลัดด้วย ตรงนี้เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน เพราะเกือบ 190 กิโลเมตรใน 2 วัน ไม่ง่ายเลย แต่อยากให้ทุกคนตามลุ้นตามเชียร์ให้พวกเขาทำสำเร็จ”

หากเปรียบกับที่ตูนเคยวิ่งรับบริจาค ระยะทางคงสู้ไม่ได้ แต่ในแง่การมีส่วนร่วมนี่คืองานอภิมหาใหญ่ยักษ์ระดับมหกรรมการวิ่งแห่งชาติก็ว่าได้ ตูนบอกว่า “เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียวแล้ว ผมอยากส่งต่อให้ทุกคน เพราะสุดท้ายแล้วปัญหาเรื่องสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลต้องแก้ที่ต้นทาง คือทุกคนต้องใส่ใจสุขภาพตัวเอง ป้องกันมากกว่าไปแก้ที่ปลายทางที่เราไม่รู้ว่าจะมีพร้อมเพรียงหรือเพียงพอให้เราใช้แค่ไหน”

ถึงเรื่องสุขภาพจะมาก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายอดบริจาคยังเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลัก เพราะเงินบริจาคทุกบาทคือพลังเล็กๆ ที่จะรวมกันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ช่วยเหลือโรงพยาบาลชุมชน

“สุดท้ายแล้วโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลประจำอำเภอ บางที่ก็ยังไม่มีแม้แต่เครื่องมือมาตรฐานที่สมควรมี ก็ยังอยากให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันตามกำลัง เรายังอยากเผยแพร่การรวมกัน การรวมกันหมายถึงอะไร การรวมกันหมายถึงเงินจำนวนเล็กๆ นี่แหละ ครั้งที่แล้วผมพยายามสื่อสารเรื่องเงิน 10 บาทจากคน 70 ล้านคน ลองคิดดูว่าถ้าเราเอาเศษสตางค์ 10 บาทที่เราทุกคนไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์กับใคร ไม่คิดว่ามันจะรักษาชีวิตใคร แต่ถ้ามันรวมกันล่ะ มันจะช่วยคนได้จริงๆ ซึ่งครั้งที่แล้วมันเกินคาด และเราอยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง”

  • รวมดาว ‘ก้าว’ ไปด้วยกัน

ถึงก้าวคราวก่อนๆ ตูนจะเป็นตัวแทนวิ่ง แต่เขาไม่ได้ก้าวอย่างเดียวดาย มีทั้งมิตรสหายที่ร่วมวิ่งและกองเชียร์เนืองแน่นตลอดเส้นทาง มาครั้งนี้อย่างที่เขาต้องการส่งต่อ จึงมีผู้ร่วมอุดมการณ์มากมาย หลายรายคือคนดัง

หนึ่งในนั้นคือคู่รักดาราอย่าง ‘ดีเจพุฒ’ พุฒิชัย เกษตรสิน กับ ‘จุ๋ย’ วรัทยา นิลคูหา จากคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากมายนัก เรียกได้ว่าการออกกำลังกายหนักๆ ไม่ใช่ทาง โดยเฉพาะ จุ๋ย วรัทยา

“เราไม่ใช่คนที่วิ่งมาก่อน เรามาจากคนที่ออกกำลังกายน้อยมาก แล้วเราเริ่มมาวิ่งก็ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ทั้งเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพตัวเอง ในวันที่เราตัดสินใจลางานเพื่อมาร่วมวิ่งกับพี่ตูน เราช่วยโรงพยาบาลได้ถึง 8 แห่งเลยนะ ซึ่งเวลาที่เราทำเองมันไม่ได้ช่วยมากขนาดนี้ นี่เป็นจุดเล็กๆ ที่เราร่วมกัน เวลาจุ๋ยไปทำบุญที่ไหนจะใช้คำพี่ตูนตลอดเลยว่า คนละ 5 บาท 10 บาท แต่พอรวมกันแล้วมันเยอะ และมันช่วยเหลือได้จริงๆ” จุ๋ยบอก

หลังจากตัดสินใจเข้าร่วม ‘ก้าว’ ดาราสาวเล่าว่าได้เริ่มซ้อมพอสมควร พอเป็นวิ่งแบบส่งต่อไม้ผลัดกันอย่างนี้ก็พอไหว

61448449_2312503628808436_5141660767728173056_o

ในก้าวคนละก้าวครั้งก่อน ‘มาร์ช’ ภูบดินทร์ ภู่สุวรรณ ดาราหนุ่มได้ไปร่วมวิ่ง ทันทีที่รู้ว่าจะมี ‘ก้าวต่อไป’ จึงพร้อมใจมาเข้าร่วมทันที เพราะเขามองว่าโครงการนี้ไม่ใช่แก้ปัญหาแค่เรื่องโรงพยาบาลขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่มีเป้าหมายใหญ่ในระดับความตระหนักรู้

“เราอยากให้ทุกคนเริ่มออกกำลังกาย เมื่อสุขภาพแข็งแรงหมายความว่าทุกคนไม่ต้องไปโรงพยาบาล พอไม่ต้องไปโรงพยาบาล หมอและพยาบาลก็ไม่ต้องเหนื่อย เครื่องมือแพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำหรับคนสุขภาพดี”

ส่วนคนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะอยู่เคียงข้างและร่วมก้าวกันมาตลอดอย่าง ‘ก้อย’ รัชวิน วงศ์วิริยะ เป็นหนึ่งคนที่ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจการวิ่งมาจากตูนตั้งแต่โครงการก้าวที่บางสะพาน จากวันนั้นจนวันนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ

“ก้อยเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งส่วนเล็กๆ ที่จะส่งต่อให้คนอื่นๆ ได้บ้างก็เป็นเรื่องที่อยากทำ ก้อยรอคอยเสมอที่จะกลับมาวิ่ง ได้มาเจอบรรยากาศกับพี่ๆ ทุกคน มันเป็นบรรยากาศแห่งความสุข ที่มีแต่การส่งต่อ มีแต่รอยยิ้ม ก้อยรอคอยที่จะไปพบพี่ๆ น้องๆ ตามภาคต่างๆ อยากเห็นภาพคนที่ออกมาวิ่งด้วยกัน ส่งยิ้มให้กัน”

สิ่งที่เหล่าดาราและคนดังกลุ่มนี้ทำและอยากเห็นจึงหมายถึงพลังงานดีๆ ที่ทำให้ทุกคนได้รับแรงบันดาลใจไม่ว่าจะคนที่มาวิ่งเองหรือคนที่บริจาคก็ตาม

  • เสียงก้องของกองหนุน

ขณะที่คนเบื้องหน้ากำลังจะก้าว คนเบื้องหลังก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน ชาญชาย ใบมงคล คือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของโครงการ ในฐานะ Creative และกรรมการมูลนิธิก้าวคนละก้าว ร่วมฟันฝ่ากันมาตั้งแต่ต้น

ด้วยความที่ก้าวคนละก้าวเป็นโครงการที่หากพูดกันตามตรง ไม่มีใครได้อะไรนอกจากได้ช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อไม่สร้างรายได้ ตูนจึงชวนเพื่อนพ้องที่พอจะเจียดเวลามาได้และมีใจอยากช่วย ชาญชายก็เช่นกัน เพราะรู้จักกับตูนมาตั้งแต่สมัยเป็นวงละอ่อน จนกระทั่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ก้าว’

“ในสองครั้งแรกหัวใจหลักๆ คือร่างกายพี่ตูน ถ้าพี่ตูนเจ็บหรือล้มคือหยุดทันที โครงการจะหยุดนิ่งทันทีในแง่ของการวิ่ง ในการบริจาคและภาพรวมเราคงไม่หยุด จนกระทั่งครั้งนี้เรามานั่งคุยกันว่าถ้าเราตั้งใจวิ่งไปไกลขึ้น ยาวนานขึ้น มันก็เป็นเพียงการทำลายสถิติให้ตัวเขาเองซึ่งพี่ตูนไม่ได้ต้องการอย่างนั้น เขาต้องการให้โครงการนี้เป็นเรื่องของคนทุกคน ครั้งนี้จึงไม่วิ่งเป็นฮีโร่คนเดียวแล้ว แกอยากวิ่งกับเพื่อนๆ ที่ใจเดียวกัน และสิบกิโลเมตรสุดท้ายก็ชวนพี่น้องประชาชนมาวิ่งด้วยกันเยอะๆ”

ถึงคราวก่อนจะวิ่งใต้สุดสู่เหนือสุด แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ ครั้งนี้ที่ต้องไปทั้ง 5 ภาค ขอบข่ายงานที่เคยใหญ่มากครั้งนี้จึงใหญ่กว่า ความหนักหนาของทีมงานจึงไม่ใช่แค่การดูแลตูนคนเดียวอย่างที่แล้วมา ทว่าเป็นคนร่วมงานระดับภูมิภาคทั่วไทย

“ระยะเวลาโครงการสั้นลงแต่รายละเอียดกับความยากมากขึ้น รวมถึงการที่การวิ่ง 187 กิโลเมตรภายใน 2 วัน ถ้าเป็นแฟนก้าวจะรู้ว่าพี่ตูนวิ่งวันละ 50 กิโล ถ้าวิ่งเท่าเดิม 2 วันก็ 100 กิโล แต่นี่เกินมา 87 กิโล แปลว่าเราพักไม่ได้เลยครับ ตั้งแต่พี่ตูนมาไม้สองไม้สามไม้สี่ ฯลฯ ทีมงานก็หยุดไม่ได้ เราจึงเตรียมทีมงานไว้ 3 ชุด สับเปลี่ยนตลอด 48 ชั่วโมง”

62030482_2312503625475103_3458997747724582912_o

ในระดับภาคคือการระดมทุนมอบให้โรงพยาบาลชุมชนและส่งเสริมสุขภาพผู้คน แต่ยังมีเป้าหมายที่ทีมงานแอบตั้งไว้ในสนามสุดท้ายภาคกลางคือรวมพลคนมาวิ่งมินิมาราธอนให้ได้มากที่สุด หากเป็นไปได้จะเป็นสถิติ Guinness Book of World Records

“ความมั่นใจว่าคนไทยทุกคนวิ่งมินิมาราธอนได้เกิดจากพี่ตูน เขาเป็นคนมีความสามารถที่จะบอกให้เราไปทำอะไรที่เหมือนจะเกินความสามารถ แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ เพราะตัวเขามีความเชื่อ เขาเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพ เพียงแต่ว่าเราคงไม่สามารถเดินออกจากบ้านไปวิ่ง 10 กิโลได้ถ้าไม่ซ้อม เพราะฉะนั้นโครงการถึงมีระยะเวลาให้ซ้อม ผมเองก็ซ้อม จากวันแรกได้แค่กิโลเดียว ตอนนี้ผมวิ่งได้ 5 กิโลแล้วในเวลา 2 เดือน

มีประโยคหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยๆ ว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าเรามุ่งมั่นและให้เวลากับมันเพียงพอ คิดว่าพี่ตูนวิ่ง 2,215 กิโลได้ แกซ้อม 2,215 กิโลมาก่อนเหรอ เขาก็ต่อจุดของเขามาเรื่อยๆ”

ท่ามกลางการซ้อม การวิ่ง และการทำงานของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดก้าวครั้งใหม่อีกครั้ง ยังมีคำถามและความห่วงใยว่าคนทำก็ทำไป คนใช้งบประมาณก็ใช้ไป อาจจะต้องก้าวกันไปไม่สิ้นสุดสักที

ชาญชาย พูดถึงเรื่องนี้ว่าทุกคนรู้ปัญหานี้ดีจึงเกิดเป็นมูลนิธิก้าวคนละก้าว ด้วยความเชื่อมั่นในหัวใจหลักว่าได้ช่วยเหลือ

“ถามทุกมูลนิธิได้ การช่วยเหลือของพวกเขาทำให้ปัญหาหายไปจากโลกไหม ไม่หายหรอก แต่ทุกคนอยากช่วยบรรเทาในวิธีการที่ตัวเองถนัด พูดตรงๆ ว่าเงินบริจาคเท่าไรก็ไม่พอหรอก พี่ตูนถึงอยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง”

  ที่ผ่านมาร็อคสตาร์ขวัญใจชาวไทยได้พิสูจน์แล้วว่าความเชื่อของเขานั้นเป็นไปได้ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะเชื่อแล้วออก ‘ก้าว’ ไปด้วยกัน...อีกครั้ง

61586283_2312503638808435_5765334880040779776_o

***** 

สนามแรกจะจัดขึ้นที่ภาคอีสานในวันที่ 15-16 มิ.ย.2562 จากหนองคายไปถึงขอนแก่น รวมระยะทางวิ่งทั้งหมด 187 กิโลเมตร โดยมีดาราคนดังมาร่วมวิ่งมากมาย โดยการวิ่งในช่วง 11 กิโลเมตรสุดท้าย จากศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ไปจนถึงสนามกีฬาจังหวัดขอนแก่น ชวนประชาชนทุกคนมารวมพลังเล็กๆ ด้วยการมาวิ่งด้วยกัน

สนใจสมัครวิ่งได้ในราคา 200 บาท ที่ www.kaokonlakao.com (รายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้แก่ 8 โรงพยาบาลชุมชนในภาคอีสาน)

ร่วมบริจาคผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

- บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี มูลนิธิก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลขบัญชี 111-393-891-0 (บัญชีกระแสรายวัน)

- SMS ครั้งละ 10 บาท พิมพ์ T แล้วส่งมาที่ 4545099 (ทุกเครือข่าย เริ่มใช้ได้วันที่ 1 มิ.ย. 2562)

ทุกยอดเงินบริจาคไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7เปอร์เซ็นต์ และไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงิน

- SCB EASY APP และ SCB ATM สามารถบริจาคผ่านเมนู “บริจาค”และเลือก “มูลนิธิก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” (เริ่มใช้ 15 มิถุนายน 2562)

- เคาน์เตอร์เซอร์วิส ของ 7-11 ทุกสาขา และร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส

- กล่องรับบริจาคที่ Big-C ทุกสาขา

- บริจาคผ่านช่องทาง True money wallet