“คาม่า คาเม็ทไดเนอร์” ชื่่นใจ ใน “โรงงานน้ำหอม”

“คาม่า คาเม็ทไดเนอร์” ชื่่นใจ ใน “โรงงานน้ำหอม”

ห้วงเวลาแห่งการรับประทานอาหาร บรรยากาศดี อาหารอร่อย มีความสุขกายสบายใจ ราวกับให้รางวัลกับชีวิต ณ ที่แห่งนี้ "คาม่า คาเม็ท ไดเนอร์" ราวกับวิมาณที่อบอวนไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำหอมที่ช่วยผ่อนคลายหายเหนื่อย

11

หอมกรุ่นกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ ตามด้วยความหอมละมุนอื่นๆแสนชื่นใจ ทันใดที่เปิดประตูก้าวสู่ดินแดนที่หอมกรุ่นภายใน ร้านคาม่า คาเม็ทไดเนอร์ (Kamakamet Diner) หลบลมร้อน และการจราจรที่แสนจอแจ เข้ามาภายในโรงงานน้ำหอมแห่งนี้ ช่างแสนชื่นใจยิ่งนัก แค่เข้ามานั่งจิบน้ำชา กาแฟ แกล้มขนม ก็เหมือนได้ผ่อนคลายเสมือนได้เข้าไปนวดผ่อนคลายในสปาก็ไม่ปาน

 

ร้านคาม่า คาเม็ทไดเนอร์ เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 2556 โดย ณัทธร รักษ์ชนะ และ เชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ ที่ตั้งของร้านอยู่ในจุดที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวขจี ห่างจากความวุ่นวายของถนนสุขุมวิทนิดหน่อยเท่านั้น มีบริการทั้งอาหารเช้าที่เรียกว่า Brunch เริ่มที่เวลา 09.00-15.00 น. จากนั้นก็จะเป็นเวลาของ Tea Break ไปจนถึง 18.00 น. ก็จะเป็นเวลาของ Dinner

เชฟส้ม-จุฑามาศ เล่าว่า “คาม่า คาเม็ทไดเนอร์” เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ทว่าไม่ได้อยู่ในข้อจำกัดว่าเป็นอาหารตะวันตกแบบต้นตำรับ แต่เป็นแบบโฮมคุ๊ก เช่น

1

เอกเบเนดิกห์ (Eggs Benedict ) ที่ประกอบด้วยขนมปังมัฟฟินอังกฤษผ่าครึ่งสองชิ้น ด้านบนเป็นไข่ดาวน้ำ เบคอนหรือแฮม แล้วราดด้วยซอสฮอลแลนเดสสีเหลืองด้านบน“ซอสฮอลแลนเดสของเราจะทำแบบคลาสสิคทุกอย่าง เคยเรียนทำตอนที่ไปเรียนอยู่ที่อินเดีย อย่าง Egg White Omelet เราจะใส่ Cauliflower (กะหล่ำดอก) อันนี้จะมีทัชของความเป็นอินเดียตรงที่เราใส่ Kyumin หรือว่าพริกขี้หนูนิดหนึ่ง ไม่ให้รู้สึกผิดแต่ก็จะเป็นเอกลักษณ์ของคาม่า คาเม็ทคูซีน เราจะเลือกใช้วัตถุดิบที่ไม่มีสารเจือปน วันนี้ขอนำเสนอ เอกเบเนดิกห์ ใช้อโวคาโดแทนอิงลิชมัฟฟิน

20190313104935506

อีกเมนูแนะนำจะเป็น Spaghetti a La Bottaga ต้องชี้แจงก่อนนะคะว่า พาสต้าที่นี่เราทำเส้นเอง Bottaga ก็คือไข่ปลาแห้ง แต่เราทำในแบบของเราโดยการใส่ หมูสามชั้นแบบจีน ลงไปด้วย”

9

“คาม่า คาเม็ท คูซีน”  หรือ “ไดเนอร์” ก็คืออาหารแนวตะวันตก ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของที่ใดที่หนึ่งในโลกใบนี้ก็ได้ อาจจะเป็นวัตถุดิบจากอินเดีย ที่เชฟเคยใช้ชีวิตอยู่ หรือ วัตถุดิบจากเมืองใดเมืองหนึ่งที่เชฟเกิดแรงบันดาลใจ

4

 Open Face Sandwich ( Smoked Cod )เป็นแซนด์วิชเปิดหน้าแบบใช้ปลารมควันที่เชฟส้มทำเอง เธอหมักปลาด้วยกานพลู ถือว่าแปลกออกไปจากอาหารตะวันตกเดิมๆที่เชฟอาจจะหมักปลาด้วย Dill หรือ ผักชีลาว

3

Seafood Stew ผสมผสานทั้งวัตถุดิบท้องถิ่นและนำเข้าจากต่างประเทศ มีความเข้มข้นและเผ็ดกว่าสตูว์ของฝรั่ง น่าจะถูกปากคนไทยและชาวเอเซีย ด้วยการใส่สไปซี่ซอสเสส หรือ Nduja Sausage จานนี้ราคา 790 บาท

7

ฟินกันอย่างเต็มที่กับจานหลัก Surf & Turf มีทั้งล็อบสเตอร์ (Maine Lobster) เนื้อ (Beef Tenderloin) ตับห่าน (Foie Gras) จานนี้ 2,750 บาท  

8

ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วย Old Fashion Donut เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมวานิลลา ราคา 390 บาท เป็นโดนัทเค็มๆ ทานคู่กับไอศกรีมวานิลลาหอมๆหวานๆเย็นๆ อร่อยมาก

6

ขนมหวานขอแนะนำ Old Fashion Donut เชฟใช้เวลาทำถึง 3 วัน เริ่มจากหมักแป้งแล้วนำไปแช่ตู้เย็น นำออกมาตัด แล้วกลับไปแช่ตู้เย็นอีกครั้ง ทำให้เนื้อของโดนัทแน่น จากนั้นนำไปแช่ในชีส Camembert  เป็นสูตรเฉพาะ สื่อถึงความซับซ้อนทางรสชาติ ทานกับแชมเปญพิเศษ Diebalt-Vallois ที่ปีหนึ่งจะผลิตแค่ 5,000 ขวด เท่านั้น เป็นรสชาติที่คุณต้องลองแล้วจะรู้ว่าสวรรค์มีจริง